รัฐบาลสี่เดือน: สัญญาใจหรือขายฝัน

โดย “ดาบสองคม”

การเมืองไทยวันนี้ช่างวิปลาสราวกับละครหลังข่าว คนดูอย่างเราต้องหัวเราะทั้งน้ำตา เมื่อได้เห็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ที่ขึ้นเวทีด้วยไม้เท้าพยุง กับ “ฝ่ายค้านเสียงข้างมาก” ที่เอาแต่ตะโกนจนเพดานสะเทือนแต่กลับทำอะไรไม่ได้จริง

พระเอกในฉากนี้คือ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ลุกขึ้นมาประกาศอย่างหรูหรา “ผมจะอยู่เพียงสี่เดือน” ฟังเผิน ๆ คล้ายวีรบุรุษผู้สละตน แต่เอาเข้าจริงกลับเหมือนนักการเมืองที่อยากเช็กชื่อในหน้าประวัติศาสตร์มากกว่าลงมือแก้ปัญหา

สี่เดือนทำอะไรได้? นี่ไม่ใช่รายการ MasterChef ที่แข่งทำเมนูจานด่วน แต่เป็นการกอบกู้ประเทศที่ป่วยหนักจนแทบใส่ท่อหายใจ

ยิ่งตลกร้ายเมื่อรัฐบาลประกาศนโยบายหวานปานน้ำผึ้ง ทั้งลดค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจ แก้หนี้ครัวเรือน ฟังแล้วเหมือนโปรโมชั่นห้างใหญ่ช่วงปีใหม่

แต่ในความจริงก็ไม่ต่างจาก ดอกไม้พลาสติก: ที่สวยแต่ไร้กลิ่น ใช้การไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นยังโยนประชามติเรื่องชายแดนกัมพูชาเข้ามา เป็นการ “โยนเผือกร้อนให้ประชาชน” อย่างแท้จริง ทำเองไม่ได้ ก็ผลักภาระออกไป สุดท้ายใครเจ็บ? ไม่ใช่รัฐบาลสี่เดือน แต่คือประเทศทั้งประเทศ

ฝ่ายค้านเองก็ใช่ว่าจะขาวสะอาด พรรคประชาชนที่โหวตหนุนอนุทินเป็นนายกฯ 311 เสียง กลับหันมาอัดรัฐบาลในระหว่างแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เหมือนเป็นศัตรูชาติปางก่อน ทั้งที่ตั้งเค้ามากับมือ

นี่มันไม่ใช่การช่วยประชาชน แต่คือการช่วยแต้มตัวเองทางการเมือง เหมือนกองเชียร์บอลที่เพิ่งตะโกนเชียร์ทีมรัก พอบอลเริ่มเตะกลับยืนโห่ใส่ทีมตัวเอง

ทั้งหมดนี้สะท้อนความจริงอันเจ็บจี๊ดว่า การเมืองไทยไม่เคยเป็นเรื่อง ใครเก่งหรือใครดีกว่าใคร แต่คือใครสร้างภาพได้ไวกว่า หลอกประชาชนได้เนียนกว่า

ขณะที่ประชาชนคนตัวเล็ก ๆ ยังแบกหนี้หัวท่วมหัว เงินเดือนไม่พอใช้ ของแพงทุกวัน

อย่ามาหลอกเลยว่า “รัฐบาลอนุทิน” คือรัฐบาลที่เสียสละ ความจริงที่ชัดกว่าคือ มันเป็นเพียง “รัฐบาลตัวประกอบ” ที่เข้ามาเพื่อประโยชน์ของบางพรรคบางกลุ่ม ไม่ใช่เพื่อคนทั้งแผ่นดิน

สุดท้ายสิ่งที่จะเหลือไว้ให้เล่าขาน ไม่ใช่ผลงาน แต่คือ…

มุกตลกการเมืองไทย…ที่เล่ากี่ครั้งก็ขำไม่ออก

แสดงความเห็น