16 ปีแห่งคราบน้ำตา และปฐมบทใหม่แห่ง ‘ความหวัง’ ของ ‘อยุธยา ยูไนเต็ด’

DST.Special Report : ใครยังจำ คราบน้ำตา ความโกรธแค้น ของแฟนบอลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ 16 ปีที่แล้วได้หรือไม่ 

หลากอารมณ์เกิดขึ้น ภายหลังสโมสรฟุตบอลอันเป็นที่รัก ‘การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค’ ซึ่งใช้กรุงเก่าเป็นฐานที่มั่น แฟนบอลอัดแน่นอัฒจันทร์ทุกนัด เดินหน้าคว้าแชมป์ลีกสูงสุด แข่งกับชลบุรี เอฟซี ถูกเทคโอเวอร์ออกไปอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์

ฟิลแฟนบอลชาวกรุงเก่าตอนนั้นไม่ต่างอะไรจากการถูกพรากคนรักไปต่อหน้าต่อตา โดยที่ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งด้วยหนทางใดๆ ได้

จากนั้นเป็นต้นมา หลายคนพยายามปลุกปั้นสโมสรฟุตบอลในจังหวัดขึ้นอีกหลายทีม หลายชื่อ เพื่อหวังจะทวงคืนวันวานดีๆ ในอดีตกลับมา เพื่อป้องกันไม่ให้ความรักครั้งนี้ถูกพรากไปอีก

แต่จนแล้วจนรอดกลับไม่มีสโมสรใดในจังหวัดสามารถทำได้ใกล้เคียงกับอดีต พวกเขาโลดแล่นอยู่ในลีกพระรอง และทำได้ดีที่สุดแค่เล่นรอบเพลย์ออฟ 

โอโซนบนไทยลีก 1 มีรสชาติและกลิ่นอย่างไรแทบจะจำกันไม่ได้ กระทั่งฤดูกาลนี้ ‘อยุธยา ยูไนเต็ด’ ทำมันได้สำเร็จ หลังจบซีซั่นด้วยการเป็น ‘รองแชมป์’ ตีตั๋วเลื่อนชั้นไปเล่นลีกสูงสุดโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปหวาดเสียวเพลย์ออฟ

บรรยากาศในสนามเกมสุดท้ายกับบางกอก เอฟซี คือ ภาพบรรยากาศที่หลายคน ที่แม้ไม่ใช่แฟนบอลอยุธยายังสัมผัสได้ว่า มันเป็นบรรยากาศเดียวกับเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ตอนที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคใช้ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นฐานที่มั่นลูกหนัง

หลายคนมีน้ำตา เพียงแต่น้ำตาในปี 2025 นี้ เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ความภาคภูมิ ต่างจากน้ำตาเมื่อ 16 ปีก่อน ที่แทบจะใจสลายลงไปกองอยู่ที่พื้น

หากจะบอกว่า ความสำเร็จครั้งนี้ เกิดขึ้นได้เพราะใคร ลำดับแรกคือ บ้านใหญ่อยุธยาของ ‘ตระกูลพันธ์เจริญวรกุล’ ที่ทำทีมมาต่อเนื่อง และไม่ทิ้ง แม้จะผิดหวังในซีซั่นก่อนๆ

นอกจากนี้ ต้องให้เครดิต ‘แข้งเทพ’ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด บิ๊กทีมจากไทยลีก 1 ที่กำลังคั่วแชมป์อยู่กับ ‘ปราสาทสายฟ้า’ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ให้หยิบยืมนักเตะ และสตาฟฟ์โค้ช มาแบบเต็มสตรีม ถึงขั้น สโมสร อยุธยา ยูไนเต็ด ยังต้องอัพเพจเฟซบุ๊กทางการของสโมสรเพื่อขอบคุณ ‘ขจร เจียรวนนท์’ ผู้บริหารของแข้งเทพ กันทีเดียว

1 ในนักเตะที่แข้งเทพให้ยืมมาคือ นายทวารดาวรุ่ง ‘ภูวดล พลสงคราม’ ที่ฟอร์มดีถึงขั้นถูกเรียกติดทีมชาติในยุค ‘มาซาทาดะ อิชิอิ’ โดยเขายังเป็นนายประตูที่เก็บคลีนชีตได้มากที่สุดในไทยลีก 2 ซีซั่นนี้อีกด้วย

หลังจากเลื่อนชั้นแล้ว ตลาดซื้อขายนักเตะของอยุธยาน่าจะคึกคัก เพราะด้วยแฟนบอลที่หนุนหลังอย่างเนืองแน่น ทำให้พวกเขาต้องปรับเสริมเติมแต่งกันขนานใหญ่แน่ เพื่อรักษาบรรยากาศในรังเหย้าที่ยอดเยี่ยมนี้ไว้

คราบน้ำตาเมื่อ 16 ปีมันแห้งเหือดแล้ว คนอยุธยาจงภูมิใจในสโมสรแห่งนี้ สโมสรของคนกรุงเก่าแท้ๆ ที่ไม่มีใครจะมาพรากมันไปได้อีก.

____________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ Ayutthaya United

แสดงความเห็น