“สมศักดิ์” ลุยฉีดวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ จังหวัดพิษณุโลก 1,053 ราย ป้องกันมะเร็งปากมดลูก 

“สมศักดิ์” ลุยฉีดวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ จังหวัดพิษณุโลก 1,053 ราย ป้องกันมะเร็งปากมดลูก หลังพบเป็นมะเร็งอันดับ 2 ของหญิงไทย ชี้ “นายกฯแพทองธาร” ให้ความสำคัญมาก พร้อมปล่อยขบวนรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ ย้ำ รัฐบาล ห่วงใย จึงขยายจาก 7 วันอันตราย เป็น 10 วันอันตราย 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “Kick-off การฉีดวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ ในเด็กนักเรียนหญิง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5” โดยมี นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ของหญิงไทย ที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปี โดยมีสาเหตุสำคัญจากการติดเชื้อไวรัส HPV ที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฉีดตั้งแต่วัยเด็ก จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนสูงสุด สำหรับในปีงบประมาณ 2568 นี้ กระทรวงสาธารณสุข มีเป้าหมาย ที่จะฉีดวัคซีน HPV ทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย คือ เด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 รวมถึงหญิงไทยอายุ 11 – 20 ปี ที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน HPV มาก่อน โดยวัคซีนที่จะฉีด จะเป็นวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ ซึ่งป้องกันเชื้อได้ครอบคลุมมากขึ้น และฉีดเพียงเข็มเดียว โดยจะช่วยลดความยุ่งยาก และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับวัคซีนเข็มที่ 2 

“สำหรับกลุ่มที่ได้รับวัคซีน HPV เข็มที่ 1 ในปีที่แล้ว จะสามารถเข้ารับวัคซีน HPV ชนิดเดิม เข็มที่ 2 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้นานขึ้นได้ โดยเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้ Kick-off การฉีดวัคซีน HPV ที่จังหวัดปทุมธานีไปแล้ว จำนวน 2,137 ราย และที่จังหวัดพิษณุโลกในครั้งนี้ เตรียมที่จะฉีดวัคซีนอีก 1,053 ราย โดยผมขอเชิญชวน เด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5 และหญิงไทยอายุตั้งแต่ 11 – 20 ปี ที่ยังไม่เคยรับวัคซีน HPV มาก่อน เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเสี่ยง จากการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกในอนาคต” รมว.สาธารณสุข กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในโอกาสที่ อสม.เดินทางมาร่วมกิจกรรมในวันนี้ จำนวนมาก ตนจึงขอแจ้งความคืบหน้า ร่าง พ.ร.บ.อสม.ว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ไปประชุมทำความเข้าใจกับกรมบัญชีกลาง เกี่ยวกับกองทุน อสม.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกองทุนนี้ จะมีไว้สำหรับรับเงินเข้ากองทุน หาก อสม.ไปช่วยขับเคลื่อนรณรงค์ NCDs แล้วทำให้สามารถประหยัดงบประมาณไปได้ โดยเงินบางส่วนที่ประหยัดไป ก็จะเข้ากองทุนนี้ ส่วนเรื่องเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม. ก็มีความชัดเจนแล้วว่า ในวันที่ 8 ม.ค.68 จะมีการลงนามเอ็มโอยู ระหว่างสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านแห่งประเทศไทย กับ ธกส. เพื่อให้ อสม.สามารถกู้เงินได้คนละ 1 แสนบาท 

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การฉีดวัคซีน HPV เดิมมีการฉีด 2 สายพันธุ์ ซึ่งต้องฉีดอย่างน้อย 2 เข็ม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงให้แนวนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหาวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ ในราคาที่ไม่แพง เพราะนายกฯเป็นสตรี จึงมีความเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างดี โดยการฉีดวัคซีนในวันนี้ ที่จังหวัดพิษณุโลก ถือเป็นจังหวัดที่ 2 หลังได้ Kick-off ที่จังหวัดปทุมธานีไปแล้ว และในวันพรุ่งนี้ ก็จะไปฉีดจังหวัดที่ 3 คือจังหวัดสุโขทัยต่อไป

จากนั้น นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยังบริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาลวังจันทน์ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเป็นประธานพิธีเปิดการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 พร้อมปล่อยขบวนรณรงค์ฯ โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปี จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยว เดินทางสัญจรจำนวนมาก โดยในช่วง 7 วันอันตรายของปีก่อน มีอุบัติเหตุ 2,288 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 2,307 คน และเสียชีวิตถึง 284 คน รัฐบาล โดยท่านนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน และตั้งใจที่จะลดความสูญเสีย ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ จึงเพิ่มวันเฝ้าระวังอันตราย จาก 7 วัน เป็น 10 วัน ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2568 โดยใช้ชื่อในการรณรงค์ว่า “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงของการรณรงค์

“ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และสถานประกอบการ ที่มีส่วนร่วมในการดำเนินงาน และขอพวกเราให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด สวมหมวกกันน็อค คาดเข็มขัดนิรภัย ดื่มไม่ขับ ง่วงไม่ขับ ไม่ประมาท และขอให้ทุกท่านเดินทางปลอดภัย มีความสุขกับครอบครัวในช่วงเทศกาลปีใหม่” รมว.สาธารณสุข กล่าว

แสดงความเห็น