“สมศักดิ์” เยือนอุบลฯ เปิดเวทีคนไทยห่างไกล NCDs ครั้งที่ 5 ปลื้ม อสม.อุบลฯ ตื่นตัวนับคาร์บ ทำน้ำหนักลด มั่นใจช่วยคนไทย 50 ล้านคน ลดโรค โปรยยาหอมเงินกู้ร้อยละ 6 พร้อมให้กู้ปีหน้า เตรียมทำ MOU ธ.ก.ส.ภายในสิ้นปีนี้ เผยผลักดัน พ.ร.บ.อสม.เต็มที่
ที่อุบลราชธานี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดงานการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ครั้งที่ 5 ในเขตสุขภาพที่ 10 อุบลราชธานี ประกอบด้วย 5 จังหวัด ได้แก่อุบลราชธานี มุกดาหาร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร โดยมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นพ.ภูวเดช สุระโคตร นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวง สาธารณสุข ภก.วีระชัย นลวชัย รักษาการผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 10 น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง นายโฆษิต สุวินิจจิต นายเอกฤทธิ์ ศาตะมาน คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้บริการกระทรวง พร้อมด้วย สส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ สส.เขต 1 น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี เขต 4 น.ส.ธัญธารีย์ สันตพันธุ์ สส.อุบลราชธานี เขต 6 น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพันลภ สส.อุบลราชธานี เขต 7 นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพันลภ อดีตสส.เพื่อไทย อสม.เขตสุขภาพที่ 9 และ 10 เข้าร่วมงานประมาณ 4,000 คน และเข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์อีกจำนวน 200,000 คน
ทั้งนี้ เมื่อคณะนายสมศักดิ์ มาถึง อสม.ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นนำผ้าขาวม้ามาผูกเอว พร้อมทั้งมีการชูป้ายไฟ อาทิ รักสมศักดิ์ รัฐมนตรีพานับคาร์บ เป็นต้น
นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดพิธีตอนหนึ่งว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs เป็นสาเหตุหลักของการเจ็บป่วย และการเสียชีวิตของคนไทย มีส่วนทำให้ประเทศชาติสูญเสียมหาศาล ทั้งค่ารักษาทางตรง และมูลค่าเศรษฐกิจทางอ้อม นโยบายคนไทยห่างไกล NCDs ให้ความสำคัญกับการส่งเสริม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ส่งเสริมวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะการกิน การนับคาร์บ คำนวณสัดส่วนอาหาร ไปจนถึงการออกกำลังกาย จังหวัดอุบลราชธานีมีผู้ป่วยเบาหวาน และความดันโลหิตสูง รวมกันประมาณ 210,000 คน ดังนั้น วันนี้ ถือเป็นโอกาสดี ที่ตนได้มาเป็นประธาน ในพิธีเปิดงานการขับเคลื่อนนโยบาย คนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ครั้งที่ 5 ที่จังหวัดอุบลราชธานี
งานในวันนี้จึงเป็นหมุดหมายสำคัญ ที่เราทุกคน ทั้งท่านผู้บริหาร บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข พี่น้อง อสม. และพี่น้องประชาชนชาวอุบลราชธานีจะได้ร่วมกันทำงาน เริ่มนับคาร์บ เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยรายใหม่ และลดความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยรายเดิม เพื่ออนาคตของระบบสาธารณสุขที่ยั่งยืน และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนต่อไป
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การนับคาร์บเชื่อว่าอสม.นับคาร์บได้ ถ้าเข้าใจแล้วต้องไปบอกผู้คนที่ท่านดูแลอยู่ 1 ต่อ 50 คน และถ้า 50 ล้านคน เข้าใจนับคาร์บการเจ็บป่วยก็จะลดลง จากสถิติการเจ็บป่วยเสียชีวิตจาก NCDs เสียชีวิตมากกว่า 4 แสนราย มีผู้ป่วยรายใหม่ปีละ 2 ล้านราย สูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจจาก NCDs 1.6 ล้านบาทต่อปี ฉะนั้น อสม.ทุกท่านต้องช่วยกัน และอยากจะพูดถึงความคืบหน้าร่างพ.ร.บ.อสม.ที่ตอนนี้ยังติดอยู่ที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเข้าใจในเนื้อหาต่างๆ แล้ว แต่กรมฯ ยังติดใจในเรื่องกองทุน ซึ่งจะเร่งทำความเข้าใจ แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย สส. ได้มีการเสนอร่างดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภา เชื่อว่าร่างพ.ร.บ.อสม.จะสำเร็จในรัฐบาลนี้ นอกจากนี้ยังมีข่าวดีเรื่องการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ จากเดิมพี่น้องกู้ดอกเบี้ยร้อยละ 8 แต่ตนได้เจรจากับธนาคาร ธ.ก.ส.เรียบร้อยแล้ว จะได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 6 คาดว่าปีหน้าจะเปิดให้กู้ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่าง MOU น่าจะลงนามเสร็จสิ้นปีนี้
นายสมศักดิ์ บรรยายการนับคาร์บว่า เป็นการเก็บข้อมูลจากสถิติเป็นร้อยปี ของนักวิทยาศาสตร์ Harris Benedict Equation การคำนวณปริมาณการรับประทานคาร์โบไฮเดรต หรือ ข้าวของแต่ละบุคคลในแต่ละวัน เป็นการคำนวณจากอายุ ส่วนสูง น้ำหนัก กิจกรรมทางกายในแต่ละวัน หรือเรียกว่า กินคาร์บ จะคำนวณออกมาเป็นปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่อวันที่เหมาะสมของแต่ละคน ซึ่งกำหนดเป็นทัพพีมาตรฐานที่ 15 กรัมต่อทัพพี โดยหน่วยจะออกมาเป็น คาร์บ เช่น หากคำนวณได้ 6 คาร์บ ก็จะเท่ากับทานข้าวได้วันละ 6 ทัพพีมาตรฐาน ส่วนที่หลายคนกังวลว่า ทานข้าวน้อยจะหิวนั้น ตนขอย้ำว่า ไม่ต้องตกใจ เพราะกินอย่างอื่นเพิ่มได้ เช่น ปลา หมู ไก่ โดยตนขอให้ลดข้าวไปก่อน ถ้าคนทำงานหนัก ก็ยังสามารถกินข้าวได้ตามปกติ แต่คนใกล้ป่วย หรือ อ้วน ก็ต้องนับคาร์บ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะป่วยจากกลุ่มโรค NCDs
ต่อมานายสมศักดิ์ เชิญนายสมคิด และน.ส.ตรีชฎา ขึ้นเวทีร่วมสาธิตการนับคาร์บ พร้อมทั้ง อสม.ร่วมขึ้นเวทีเพื่อแข็งขันการลดน้ำหนักจากการนับคาร์บ ประมาณ 12 คน โดยน.ส.ตรีชฎา ขึ้นเวทีเล่าาประสบการณ์นับคาร์บหลังจากนับคาร์บแล้ว ทำให้น้ำหนักลด จากเดิม 85 เหลือ 69 ตั้งเป้าให้ได้ 55 กิโลกรัม
ขณะที่ อสม.ได้เล่าว่า เมื่อรับทราบนโยบายนายสมศักดิ์ ให้มีการนับคาร์บ ก็เลยเริ่มคำนวณและรับประทานคาร์บตามผลที่ออกมา ปรากฎว่า น้ำหนักลดลงประมาณ 3 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ ทำให้นายสมศักดิ์ยิ้มอย่างปลาบปลื้มใจ
จากนั้นนายสมศักดิ์ได้เปิดพิธีอย่างเป็นทางการ โดยตักเส้นก๋วยจั๊บญวนลงชาม