นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการยุบสภา ว่า คาดว่าจะมีการยุบสภาในช่วงระยะเวลาใกล้ๆเลือกตั้งใหม่ เพราะถ้ายุบสภาผู้ที่จะสมัครลงเลือกตั้งจะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองภายใน 30 วัน แต่ถ้ารัฐบาลอยู่ครบเทอมผู้ที่จะสมัครลงเลือกตั้งจะต้องเป็นสมาชิกพรรค 90 วัน นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่คิดว่าการยุบสภาน่าจะยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ แต่คงมีการยุบในช่วงปลายสมัย ก่อนสัปดาห์หนึ่งก่อนจะวาระสภาฯ คือ 23 มี.ค.66 หรืออาจจะยุบช่วงหลังปิดสมัยประชุมสภาคือ 28 ก.พ.66 ซึ่งหลัง 28 ก.พ.66 หากรัฐบาลมีกฎหมายสำคัญ รัฐบาลก็สามารถที่จะขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญได้ เพราะหมดวาระสภาฯในวันที่23 มี.ค.66 นี่จึงเป็นข้อมูลที่ให้สมาชิกได้รับทราบ เพื่อไม่ให้มีความรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้และไม่อยากมาทำงาน แต่ความจริงมีเวลาพอ
ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองหลังปีใหม่ ว่า เป็นการเมืองที่เป็นไปตามระบบที่สภาฯ อยู่ตามครบวาระ อาจจะยุบสภาก่อนนิดหน่อย แต่เป็นการเมืองที่ใช้ระบบรัฐสภาและหลักนิติรัฐเป็นที่น่าพอใจ ไม่ใช่ว่าเลือกตั้ง 1 ปีแล้วยุบสภา อย่างนี้ไม่ได้ประชาธิปไตยจะเดินได้ ระบบเหล่านี้เดินไปได้ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็แก้ไปตามระบบ หรือจะแก้กฎหมายก็แก้ไป จะเห็นได้ว่ากฎหมายที่ผ่านไปนั้นผ่านไปได้ดี ถ้าเทียบกับที่ผ่านมาต้องพูดว่าดีมาก แต่หากพูดถึงความพึงพอใจก็ถือว่าดีพอสมควร ได้ขนาดนี้ก็เยี่ยมแล้ว ที่แล้วมาเคยติดตามการพิจารณาร่างกฎหมายมาโดยตลอด ที่ผ่านมาเดี๋ยวก็ยุบสภา เดี๋ยวก็เกิดการปฏิวัติแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้เป็นที่น่าพอใจแล้ว
เมื่อถามว่า ขอให้ยืนยันในการความเป็นอิสระของส.ว. ไม่มีใครสั่งการได้ตลอดการทำงาน โดยเฉพาะการโหวตเลือกนายกฯ
นายพรเพชร กล่าวว่า ตนยืนยันได้ว่าตนอิสระไม่เคยไปสั่งการใคร และตนก็ไม่พอใจที่ตนนั่งเป็นประธานการประชุมร่วมรัฐสภาอยู่ 4 ปีลุกไปปัสสาวะ ก็หาว่าตนไปรับโทรศัพท์
เมื่อถามย้ำว่า ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ประธานวุฒิสภามา รัฐบาลได้ขอความร่วมมืออะไรมาบ้าง นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่มี อาจจะไม่ใช่เป็นการสั่งแต่เมื่อกฎหมายเข้ามาแล้ว รัฐบาลก็จะสอบถามมาว่าจะเข้าเมื่อไหร่ เร่งหน่อยได้หรือไม่ แค่นี้ แต่การให้ส.ว.ลงอย่างไร มีอยู่อย่างเดียว คือเรื่องรัฐธรรมนูญแต่เขาไม่ได้มาบอกตน ตนใช้วิจารณญาณเอาเอง
เมื่อถามว่า ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เคยต่อสายหาหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ต่อสายไม่ค่อยมี มีคุยเรื่องอื่น คุยธรรมดา แต่พล.อ.ประวิตรท่านไม่คุยด้วย ส่วนที่ตอนนี้มีการแบ่งฝ่ายส.ว.เป็นของพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรนั้น เรื่องนี้มีคนประทับตราให้ ตนไม่ทราบแต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะคิดเช่นนั้น เพราะส.ว.หลายท่านก็เคารพนับถือพล.อ.ประวิตรตลอดมา อีกด้านหนึ่งก็ทำงานให้กับพล.อ.ประยุทธ์ตลอดมา ก็มีสิทธิ์คิดที่เขาจะต้องช่วยกัน และมีใจต่อกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา และคิดได้ว่ามีคนสนับสนุนทั้งพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร อย่างไรก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญส.ว.ต้องวางตัวเป็นกลาง สำหรับตนวางตัวเป็นกลางอยู่แล้ว แต่ใครจะคิดอย่างไรก็คิดได้
