กมธ.ดีอีเอส ลงพื้นที่ภูเก็ต “กัลยา” ชี้ต้องพัฒนาเศรษฐกิจแบบหลายขาไม่ใช่พึ่งท่องเที่ยวอย่างเดียว 

กมธ.ดีอีเอส ลงพื้นที่ภูเก็ต “กัลยา” ชี้ต้องพัฒนาเศรษฐกิจเป็นแบบหลายขาไม่ใช่พึ่งท่องเที่ยวอย่างเดียว พร้อมพัฒนา Big Data เชื่อมโยงระบบทุกภาคส่วน สร้างความมั่นใจ-อำนวยความสะดวก เตรียมรับนักท่องเที่ยว

น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ประธานกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ดีอีเอส ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน การบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ที่จ.ภูเก็ต โดยได้มีการไปหารือพูดคุยกับ ทางหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กรมเจ้าท่า และตัวแทนผู้ประกอบการ โดย จ.ภูเก็ตในขณะนี้เป็นแบบเศรษฐกิจขาเดียว ที่เน้นไปกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยหลังจากเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปเยอะ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่มีกำลังซื้อเยอะที่สุดหายไปหมดเพราะมีการปิดประเทศ ซึ่งในช่วงนี้ที่สถานการณ์โควิดเบาลง นักท่องเที่ยวก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว แต่ในส่วนของจีนยังปิดอยู่ แต่ก็ใกล้ที่จะเปิดประเทศแล้ว ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือที่นักท่องเที่ยวจะกลับมา

น.ส.กัลยา กล่าวว่า จากการประชุมหารือ เราพบว่า จ.ภูเก็ต ไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณโครงข่ายการสื่อสาร ระบบอินเทอร์เน็ตดี ครอบคลุมทั่วถึง เพราะเป็นจังหวัดที่เป็น สมาร์ทซิตี้อยู่แล้ว และมีศักยภาพที่สูงกว่าหลายจังหวัด สิ่งที่ขาดคือเรื่องของ Big Data จากรวบรวมข้อมูลต่างๆยังไม่มี ทำให้เกิดปัญหาเวลาการตรวจสอบบุคคลที่เข้ามา หรือกรณีที่สูญหาย หรือการเกิดคดีต่างๆ ข้อมูลยังไม่มีการเชื่อมโยงกันของแต่ละหน่วยงาน ทำให้ไม่เกิดความคล่องตัว เจ้าหน้าที่ทำงานได้ยาก เช่น การท่าอากาศยาน ที่ไม่ได้เชื่อมข้อมูลกับหน่วยงานอื่นๆ หรือกรณีของท่าเรือของรัฐ ที่บุคลากรไม่เพียงพอ ซึ่งเรื่องนี้ กมธ.ดีอีเอสได้รับเรื่องมาและจะไปประสานกับกระทรวงคมนาคมให้

“หลังที่สถานการณ์โควิดเบาลง หลายประเทศกำลังจะเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังจะทยอยเข้ามาเที่ยวบ้านเรา ดังนั้นต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีและความปลอดภัย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจให้พวกเขากล้าที่จะมา นอกจากนี้ พื้นที่จ.ภูเก็ตที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลักเพียงอย่างเดียว อาจจะต้องมีการปรับตัว พัฒนาเป็นเศรษฐกิจหลายขา ไม่ใช่เป็นเสาเดียวแบบศาลพระภูมิ เมื่อเสาพังก็ล้อมทั้งหมด เพื่อให้จังหวัดสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน” น.ส.กัลยา กล่าว

แสดงความเห็น