โจทย์หิน “พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ” หลังเปิดตัวช้า-บิ๊กตู่ อยู่ได้แค่หลังฉาก  

หลัง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ขึ้นมาเป็น หัวหน้าพรรคการเมืองพรรคแรกในชีวิต คือ “รวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.)ไปเมื่อ 3 สิงหาคม หลังก่อนหน้านี้พลาดการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาเมื่อปี 2562 เพราะลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคแล้ว แต่แพ้ให้กับ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ 

สิ่งที่ต้องตามต่อจากนี้ก็คือ “เดอะตุ๋ย-พีระพันธุ์” จะนำพาพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปได้ไกลแค่ไหน บนถนนการเมือง 

เพราะปัจจุบัน ก็มีหลายพรรคในตลาดการเมืองที่แข่งขันกันหนักอยู่แล้ว แต่ช่วงหลัง มีการจัดตั้ง-เปิดตัวพรรคการเมืองกันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างก่อนหน้ารวมไทยสร้างชาติ แค่สองวัน ก็เกิด “พรรครวมแผ่นดิน” ที่มีพลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรค และยังมีข่าวว่าอาจจะมีเปิดตัวกันออกมาอีก แต่ก็น่าจะเหลือแค่เป็นพวกพรรคขนาดเล็กๆแล้ว

หลายคนจึงสงสัยว่า แล้ว “รวมไทยสร้างชาติ” จะมีจุดขาย-จุดแข็ง อะไรที่จะไปแข่งขันกับพรรคใหญ่-พรรคกลางในเวลานี้ได้?

เพราะเอาเข้าจริง ตัว พีระพันธุ์ เอง ว่ากันตามตรง คนที่รู้จักชื่อ ส่วนใหญ่ ก็เป็นพวกที่ต้องเป็น คอการเมือง-แฟนการเมือง ระดับหนึ่ง ที่อาจพอรู้บ้างว่า พีระพันธุ์ เป็นใครมาจากไหน เคยผ่านงานสำคัญๆในสภาฯและในรัฐบาลอะไรมาบ้าง เช่น เป็นอดีตผู้พิพากษา -อดีตรมว.ยุติธรรม-อดีตส.ส.เขต กทม.ประชาธิปัตย์ -อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ ประชาธิปัตย์ และตอนนี้กับตำแหน่ง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ที่ล่าสุด มีผลงานคือ การเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายกฎหมายของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในการสู้คดีกับบริษัทโฮปเวล์ ฯ ที่เรียกกันว่า คดีค่าโง่โฮปเวลล์ จนทำให้ภาครัฐ คือกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย ชนะคดีในชั้นศาลปกครองสูงสุดเมื่อช่วงมีนาคม ปีนี้  จนทำให้ มีโอกาสที่การรถไฟฯ อาจไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยร่วม 2.4 หมื่นล้านบาทให้กับโฮปเวล์ก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ ถือเป็นเครดิตสำคัญของ พีระพันธุ์ ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว     

แน่นอนว่าด้วยโปรไฟล์แค่นี้ ก็ถือว่า ชื่อ-ชั้น ขายได้ในทางการเมือง และที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีประวัติเสียหายอะไร 

แต่คำถามคือ หลังจากนี้ การ “เข็นพีระพันธุ์” ในตลาดใหญ่การหาเสียงทั่วประเทศ แกนนำพรรคและทีมยุทธศาสตร์การหาเสียงของรวมไทยสร้างชาติ คงเหนื่อยไม่น้อยในการทำให้ คนทั่วประเทศ ที่ไม่ใช่แค่ในเมือง รู้จัก พีระพันธุ์ ให้มากขึ้นกว่านี้ 

เพราะปัจจุบัน คนที่รู้จักชื่อเสียง-โปรไฟล์ พีระพันธุ์ ส่วนใหญ่ยังเป็นคนในเมือง-ชนชั้นกลาง แต่ในภาพใหญ่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้า -คนต่างจังหวัด ส่วนใหญ่ ต้องยอมรับว่า ยังไม่ค่อยรู้จักพีระพันธุ์ กันเป็นจำนวนมาก 

นี้คือ โจทย์ใหญ่-การบ้านข้อสำคัญของ พีระพันธุ์-ทีมงานหาเสียง-แกนนำพรรค ที่ต้องเร่งทำเรื่องนี้โดยเร็ว 

ยิ่ง “พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ” เปิดตัวช้ากว่าพรรคอื่นมาก ในบรรดาพรรคตั้งใหม่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น พรรคกล้าของ กรณ์ จาติกวณิช -พรรคไทยภักดีของ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม -ไทยสร้างไทยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ -สร้างอนาคตไทยของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์และดร.อุตตม สาวนายน หรือแม้แต่กับ พรรคเศรษฐกิจไทย ของธรรมนัส พรหมเผ่า ที่แม้ชื่อของธรรมนัส จะขายไม่ได้ในการหาเสียง แต่ก็ยังมีแต้มต่อหลายพรรคข้างต้น เพราะยังมีส.ส.ในสภาฯตอนนี้ ทำให้ยังพอทำให้พรรคขยับอะไรก็พอเป็นข่าวได้มากกว่าพรรคตั้งใหม่อื่นๆ อีกทั้ง พรรคธรรมนัส มีส.ส.เขตหลายคน ในพรรคที่ยังถือว่าเป็นตัวแข็งที่พอจะขายได้ในการเลือกตั้งรอบหน้าหากไม่ย้ายพรรคเสียก่อน 

เมื่อพีระพันธุ์และรวมไทยสร้างชาติ ออกสตาร์ทช้ากว่าพรรคอื่น อีกทั้ง ชื่อในระดับกว้าง ของพีระพันธุ์ ยังเป็นที่รู้จักน้อยกว่า สุดารัตน์-สมคิด-หมอวรงค์ เลยยิ่งทำให้ หลังจากนี้ พีระพันธุ์ และแกนนำรวมไทยสร้างชาติ ต้องเร่งเครื่องแล้ว ในการเดินหน้า สร้างแบนด์พรรค ทำให้ประชาชนจดจำชื่อพรรคให้ได้ และทำให้คนรู้ว่า พีระพันธุ์ คือใคร  

ยิ่งถ้า ถึงตอนเลือกตั้ง สุดท้าย หากไม่มีอะไรพลิกผัน ยังไงเสีย ก็มีโอกาสสูงที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงจะลงสมัครชิงนายกฯ โดยเป็นแคนดิเดตในสังกัด พลังประชารัฐ ไม่ใช่รวมไทยสร้างชาติ อย่างที่เคยมีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ 

เพราะพบว่า ระยะหลัง สายสัมพันธ์ระหว่าง พลเอกประยุทธ์กับแกนนำพลังประชารัฐ หลายกลุ่ม ก็ดีขึ้น ทุกอย่างราบรื่นดี หลัง ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกไปแล้ว เพราะแกนนำหลายกลุ่มและส.ส.เขตหลายจังหวัด  ก็ต้องพึ่งเครดิต กระแสนิยมของพลเอกประยุทธ์ ที่ยังไง ก็ย่อมขายได้ระดับหนึ่ง เพื่อให้ตัวเองได้รับเลือกกลับมาเป็นส.ส.-กลับมามีอำนาจ อีกครั้งรอบหน้า 

เมื่อเป็นแบบนี้ ยังไง รวมไทยสร้างชาติ ก็ต้องเสนอชื่อพีระพันธุ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ตอนเลือกตั้ง ไม่ใช่ พลเอกประยุทธ์ อย่างที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้ว่า พลเอกประยุทธ์ให้กลุ่มพีระพันธุ์ ไปทำพรรครวมไทยสร้างชาติ รองรับเอาไว้ เผื่อมีอะไร พลเอกประยุทธ์จะได้มีพรรคสำรองไว้ หากมีปัญหากับคนในพลังประชารัฐ 

แต่เมื่อ ตอนนี้ พลเอกประยุทธ์ ยังไง ก็ต้องเลือก พลังประชารัฐ เป็นตัวเลือก อันดับหนึ่งไว้ก่อน ในการเป็น “ฐานเสียง-ฐานอำนาจ” ส่วน รวมไทยสร้างชาติ ก็น่าจะเป็นไปได้ที่ พลเอกประยุทธ์ จะสนับสนุนอยู่ห่างๆ ในตอนตั้งพรรคและอาจช่วยสนับสนุนตอนเลือกตั้งด้วย แต่จะเป็นลักษณะแบบไม่เป็นทางการ เหมือนกับเป็นพรรคที่สองของตัวเอง 

วิธีการแบบนี้ ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับการที่  บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ต้องทุ่มสุดตัวที่ พลังประชารัฐ แต่ก็จะสนับสนุน ช่วยเหลือ “พรรครวมแผ่นดิน” ของพลเอกวิชญ์  

พูดง่าย ๆทั้งบิ๊กตู่-บิ๊กป้อม ต่างก็จะมี “พรรคที่สอง” ของตัวเอง เป็นเหมือนกับพรรคสำรอง พรรคพันธมิตรการเมืองส่วนตัวเอาไว้ นั่นเอง

เพราะพลเอกประยุทธ์ รู้ตัวดีว่า ไม่สามารถเข้าไปยุ่มย่ามอะไรกับพวกส.ส.พลังประชารัฐได้ เพราะจะเป็นการไปล้ำเส้น พี่ป้อม พลเอกประวิตร ได้ แต่เมื่อต้องการจะเล่นการเมืองต่อไป พลเอกประยุทธ์ ต้องมีฐานอำนาจ มีส.ส.ในสภาฯ ที่เป็นของฝ่ายตัวเอง ซึ่งก็คือ พวกรวมไทยสร้างชาตินั่นเอง 

ยิ่งหาก พรรครวมไทยสร้างชาติ หลังเลือกตั้ง มีส.ส.เข้าสภาฯได้จำนวนหนึ่ง แล้วเกิดพลเอกประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯรอบสองได้อีกครั้ง อย่างน้อย ก็จะได้เอาพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมรัฐบาล เป็นมือเป็นไม้ทางการเมืองในสภาฯให้ตัวเองในสภาฯได้ จะได้ไม่ต้องไปง้อพวกพรรคเล็ก หรือส.ส.พรรคการเมืองอื่น จะได้มีคนของรวมไทยสร้างชาติ คอยเป็นฐานอำนาจในสภาฯ

ด้วยเหตุทั้งหมด สายสัมพันธ์การเมืองของ “พลเอกประยุทธ์-พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ”ในลักษณะเป็นเครือข่ายเดียวกัน เป็นเรื่องจริงแน่นอน

ถึงต่อให้ พลเอกประยุทธ์ พีระพันธุ์ และคนในรวมไทยสร้างชาติ ออกมาปฏิเสธ ก็ปฏิเสธไป แต่ในทางการเมือง รู้กันดีว่า หลังฉากของรวมไทยสร้างชาติ ก็คือ พลเอกประยุทธ์ 

แต่เมื่อ พลเอกประยุทธ์ ไม่สามารถออกหน้าได้ ต้องให้ แกนนำรวมไทยสร้างชาติ ทั้ง พีระพันธุ์ หัวหน้าพรรค เอกนัฐ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และแกนนำคนอื่นๆ ขับเคลื่อนพรรคกันไปเอง ขณะที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เปิดตัวช้า 

มันจึงเป็นโจทย์ยากของรวมไทยสร้างชาติ นับจากนี้ ในการขับเคลื่อนพรรค ก่อนเลือกตั้ง ที่เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงเกิน 8 เดือน หากสภาฯอยู่ครบเทอม 

ยิ่งเป้าหมาย ที่พีระพันธุ์ ประกาศไว้หลังเข้าเป็นหัวหน้าพรรคเช่น ต้องการกวาดที่นั่งส.ส.เขต ภาคใต้ ให้ได้เยอะที่สุด และมั่นใจว่าจะทำได้ รวมถึงอีกหลายพื้นที่ คำถามจึงเกิดขึ้นว่า พีระพันธุ์ และรวมไทยสร้างชาติ จะได้อย่างไร กับการเข้าไปแย่งชิงเก้าอี้ส.ส.เขต เพราะปัจจุบัน ก็แข่งกันดุเดือดมากในพื้นที่ ทั้งประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย -ประชาชาติ และยังมีอีกหลายพรรคตั้งใหม่ ก็หวังเช่นกัน เช่น สร้างอนาคตไทย ที่มีนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เป็นหัวหอก  

ก้าวย่างการเมืองต่อจากนี้ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่หลายคนเห็นชัดว่าคือพรรคเครือข่าย พรรคพันธมิตรการเมืองของ ขั้วรัฐบาล-พลเอกประยุทธ์ รวมถึงแม้แต่กับ พลังประชารัฐ จะไปได้ไกลแค่ไหน หรือจะจอดป้าย แค่การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น งานนี้ เป็นเดิมพันการเมืองสำคัญของใครหลายคน ในพรรครวมไทยสร้างชาติ    โดยเฉพาะ พีระพันธุ์ ที่ต้องเทหมดหน้าตัก เพราะถ้าทำให้พรรคมีส.ส.เข้าสภาฯ สักจำนวนหนึ่ง หลังเลือกตั้ง แล้วพลเอกประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบหลังเลือกตั้ง 

ยังไง บิ๊กตู่ เอาพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน และพีระพันธุ์ ก็ตัดชุดรอ เป็นรัฐมนตรี ได้เลย 

แสดงความเห็น