ฝ่ายค้านจัดหนักซักฟอก “ประยุทธ์” 30 ชั่วโมง ไม่ปิดทางหาก “ธรรมนัส” ร่วมอภิปราย 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย  นายสุทิน คลังแสง ปธ.วิปฝ่ายค้าน ร่วมแถลงข่าวความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. และลงมติในวันที่ 23ก.ค.นี้ ว่า 

วัตถุประสงค์การอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ ต้องการยุติหยุดยั้งการบริหารราชการแผ่นดินของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะรัฐมนตรี 10 คนที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นมาตรการที่หนักที่สุดในการตรวจสอบควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินในระบบรัฐสภา ครั้งนี้เราใช้ชื่อว่า ยุทธการเด็ดหัวสอยนั่งร้าน ทำไมต้องเด็ดหัวหอยนั่งร้านเนื่องจากคณะรัฐมนตรีชุดนี้ได้ใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมเข้าสู่อำนาจและสืบทอดอำนาจ และสิ่งที่ต้องการสืบทอดอำนาจไม่ใช่จากสภาประชาชนแต่เป็นการรวบรวมเอาบรรดา ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลมาค้ำจุนให้อยู่ในอำนาจ โดยใช้วิธีการ กลไกบิดเบี้ยวมีการใช้สินจ้างรางวัล ใช้เงินในการขับเคลื่อนทางการเมือง จนสภาได้รับการ สถาปนาว่าสภากินกล้วย เพราะฉะนั้นนั่งร้านที่ค้ำจุนมีความจำเป็น ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านต้องชี้ให้เห็นว่านั่งร้านเหล่านี้เป็นพิษเป็นภัย ทำให้ประชาชนต้องทนทุกข์จากการบริหารราชการแผ่นดินของพล.อ.ประยุทธ์ โดยการสนับสนุนของบรรดานั่งร้านมาตลอด 8 ปี 

“จริงอยู่ การลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจในระบบรัฐสภาเป็นระบบเสียงข้างมาก มือในสภาเป็นระบบเสียงข้างมากยากมากที่เราจะเอาชนะได้ เว้นแต่มีเหตุการณ์ เว้นแต่มีสิ่งที่สามารถที่จะบอกกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาได้ว่าข้อมูลข้อเท็จจริง หลักฐานสามารถพิสูจน์ได้ ประชาชนเห็นว่าเป็นจริงเห็นควรลงมติไม่ไว้วางใจอาจจะเป็นการบีบให้สมาชิกที่ไม่ใช่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ลงมาร่วมลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจกับเรา ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว 

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เราเตรียมความพร้อมเตรียมข้อมูลเตรียมหลักฐานเพื่อจะบอกกล่าวกับสภาผู้แทนราษฎรถึงพฤติกรรมความผิดพลาดบกพร่องล้มเหลวที่กระทำต่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนพฤติกรรมที่ส่อการทุจริตเอื้อประโยชน์ใช้งบประมาณแผ่นดินไทยภาษีอากรของประชาชนไปแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางการเมือง นี่คือสิ่งที่เรามีความมั่นใจว่าสมาชิกที่จะอภิปรายจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด พร้อมขอบคุณประชาชนที่ให้ความสนใจ

นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เนื่องจากมีความหมายเป็นอย่างยิ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่ปากท้องของพี่น้องประชาชน และอนาคตของประเทศ ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะทำให้พี่น้องประชาชนได้เห็นธาตุแท้ของเครือข่ายประยุทธ์ ที่ประคับประคองกันอยู่ด้วยความเชื่อมโยงของผลประโยชน์และการทุจริตคอร์รัปชัน โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ซึ่งเป็นปลายอายุขัยรัฐบาลประยุทธ์ แต่ละพรรคการเมืองต่างมุ่งที่จะกอบโกยงบประมาณประเทศอย่างโจ๋งครึ่ม ไม่หวั่นเกรงต่อสายตาพี่น้องประชาชน เพียงหวังที่จะใช้สะสมเป็นกระสุนดินดำสำหรับการเลือกตั้งในครั้งต่อไป

นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อเท็จจริง เอกสารและหลักฐานที่จะนำไปสู่การเอาผิดผู้ทุจริตและผู้มีส่วนร่วมทั้งหมด และหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นลง พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมเอกสารหลักฐานยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่ทุจริตและผู้สมรู้ร่วมคิดให้เกิดการทุจริตทุกคนโดยไม่ละเว้นแม้แต่คนเดียว ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพี่น้องร่วมกันติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ และขอเรียกร้องให้เพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน พิจารณาลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเห็นแก่ประชาชนเป็นที่ตั้ง

นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ขอเชิญชวนประชาชนร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘ครั้งสุดท้าย’ ของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้เปิดกลไกการมีส่วนร่วมผ่านช่องทาง LINE OA เพื่อไทย @pheuthai หรือ scan qr code จากภาพ ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถมีส่วนร่วมผ่านริชเมนู (Rich Menu) ได้ดังนี้ 

1. ลงมติไล่ประยุทธ์ : ร่วมลงมติประชาชน ไม่ไว้วางใจประยุทธ์และพวก พร้อมฝากข้อความสั้นๆ ถึงพลเอกประยุทธ์และรัฐมนตรีในรัฐบาล ผ่านระบบของ LINE OA เพื่อไทย เพื่อบันทึกการมีส่วนร่วมในภารกิจประวัติศาสตร์ครั้งนี้ร่วมกัน 

2. เสียงประชาชน : กดปุ่มเพื่อแสดงความเห็นในประเด็นต่างๆ ส่งเสียงจากประชาชนไปถึง ส.ส. เพื่อไทยในสภาได้ตลอดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

3. ร่วมคิดนโยบายกับเพื่อไทย : มาร่วมกันเดินหน้าเปลี่ยนรัฐบาล มาร่วมกันคิดนโยบายเพื่อคืนความหวัง สร้างชีวิตใหม่ให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง

ด้านนายสุทิน คลังแสง กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ (19 ก.ค.) พรรคฝ่ายค้านจะจัดเต็มทั้ง 4 วัน แบ่งอภิปรายรัฐมนตรีเป็นกลุ่มๆ  วันแรกของการอภิปรายนั้นจะอภิปรายกลุ่มของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย เปิดเริ่มที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตามด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากนั้น รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ  คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ ไปอภิปรายพรรคประชาธิปัตย์ นั่นคือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนาย จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ส่วนวันที่ 2 เริ่มจาก นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนจะเข้าสู่การอภิปรายชุด พี่น้อง 3ป. ที่จะให้เห็นถึงวีรกรรม เอื้อประโยชน์ ให้พวกพ้อง และคาดว่าเริ่มอภิปรายตัวพล.อ.ประยุทธ์ ได้ในช่วงค่ำของวันที่ 2 โดยฝ่ายค้านจะจัดหนักอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ถึง 30 ชั่วโมง พร้อมย้ำว่า “ยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนได้เห็นความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน สงท้ายก่อนที่จะหมดวาระของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 

สำหรับกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอด4วัน รัฐบาลจะได้เวลา18 ชม. ซึ่งรวมประธานและครม.แล้ว ส่วนฝ่ายค้านได้เวลาเต็มที่ 45 ชม. ซึ่งเวลาทั้งหมดนี้พรรคร่วมรัฐบาลได้จัดสรรค์ให้กับฝ่ายค้านแล้วตามความเหมาะสม จะไม่มีการมาต่อรองหรือขอเวลาเพิ่ม ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะมีผู้อภิปราย 27 คน พรรคก้าวไกล14 คน พรรคประชาชาติ 3 คน พรรคเสรีรวมไทย 2 คน พรรคเพื่อชาติ 2 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน และฝ่ายค้านอิสระ พรรค ไทยศรีวิไลย์ 1 คน 

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเศรษฐกิจไทยโดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรค จะขอร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ด้วย นายสุทินกล่าวว่า พรรคฝ่ายค้าน

ยังไม่ปิดทางที่ ร.อ.ธรรมนัส จะเข้าร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ แต่ทางร.อ.ธรรมนัส ยังไม่ได้มีการพูดคุยขอเวลาในเรื่องดังกล่าว มีเพียงการประสานเรื่องอื่นมา อย่างเรื่องความพร้อมแนวทางการทำงาน ซึ่งและจากหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจจะมีการพูดคุยกันกับร.อ.ธรรมนัส อีกครั้ง ถึงการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งนี้หากช่วงเวลาการอภิปรายแล้ว ร.อ.ธรรมนัส จะขออภิปรายด้วยนั้น ถ้ากระชั้นชิดก็อาจจะไม่ได้ เพราะเวลาลงตัวแล้ว แต่ถ้าต้องการจริงๆ ก็จะพยายามแบ่งเวลาให้จากส.ส.คนอื่นๆ แต่ก็จะต้องสอบถามถึงเนื้อหาและเวลาที่ต้องการก่อนด้วย

ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวว่า คำว่าฝ่ายค้าน แบ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน และพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน คือเมื่อพรรคการเมืองประกาศเจตนารมณ์ว่าจะมาทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้านก็ถือว่าเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการทำงานร่วมกันได้ พรรคใดจะมาร่วมตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลก็ยินดี แต่ในการทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้าน เช่นพรรคไทยศรีวิลัย ที่ไม่ได้ยึดติดการทำงานกับพรรคร่วมแต่จะมาร่วมการทำงานกับฝ่ายค้านเป็นบางครั้ง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าพรรคเศรษฐกิจไทยจะมาในทิศทางใด ซึ่งก็ยินดีอยู่แล้วที่จะรับสมาชิกเข้ามาเพื่อทำการตรวจสอบรัฐบาล 

ส่วนการอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะใช้เวลาประมาณ 30 ชั่วโมงนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จะมีข้อกล่าวหาคือเรื่องผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารแผ่นดิน,ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์, จงใจฝ่าฝืนและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็น ข้อมูลอาจจะมีต่อเนื่องบ้างจึงทำให้จะมีทั้งข้อมูลเก่าและข้อมูลใหม่ด้วย ซึ่งเรื่องการทุจริตจะเป็นข้อมูลใหม่ทั้งหมด

แสดงความเห็น