ดวลเดือด ศึกซักฟอก ล็อบบี้หนัก ก่อนลงมติ 

แม้หัวใจสำคัญของศึกซักฟอก การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะอยู่ที่ “คำอภิปรายข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน-คำชี้แจงของรัฐมนตรี” กลางที่ประชุมสภาฯ 

แต่ในยุครัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค และในแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังมีกลุ่มการเมืองแตกแยกย่อยภายในพรรคอีก รวมถึงเป็นยุคที่มี “พรรคเล็ก” พวก 1-6 เสียงเป็นตัวแปรในบางโอกาสหลายพรรค โดยพฤติการณ์การเมืองหลายครั้งที่ผ่านมา กลุ่มพรรคเล็กถูกมองและวิจารณ์ทางการเมืองว่า พร้อมจะแปรเปลี่ยนทางการเมืองไปตาม

“ผลประโยชน์ที่ได้รับ-ถูกยื่นข้อเสนอให้”

โดยหากมี “กล้วย” มาจากฝ่ายไหนเยอะ กลุ่มพรรคเล็ก  ก็พร้อมอยู่ฝ่ายนั้น 

ขณะเดียวกัน ส.ส.ฝั่งรัฐบาล ก็ไม่เป็นใจ เพราะส.ส.พลังประชารัฐและภูมิใจไทย ร่วม 6-7 คน ถูกศาลฎีกาสั่งพักหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เสียงฝั่งรัฐบาลหายไปโดยอัตโนมัติ  

เลยทำให้ เสียงส.ส.ฝั่งรัฐบาลเลยแกว่งไปแกว่งมา ไม่เสถียร การลงมติโหวตเรื่องสำคัญ หากตกลงกันได้ ผลประโยชน์ลงตัว และการเมืองไม่เขม็งเกลียว เสียงฝั่งรัฐบาลก็ท่วมท้นเช่นตอนโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ที่ตอนนั้น พรรคเศรษฐกิจไทย ของธรรมนัส พรหมเผ่า ยังไม่ได้ถอนตัวจากรัฐบาลแบบเต็มตัว อีกทั้งพรรคเล็ก ก็ได้ประโยชน์เพราะได้โควตาได้เข้าไปเป็นกรรมาธิการงบประมาณฯ เลยทำให้ตอนโหวตออกมาเสียงเลยผ่านท้วมท้นกับเสียงโหวตรับหลักการ  278 เสียง ไม่รับหลักการ 194 เสียง หรือห่างกันถึง  84 เสียง อันเป็นช่วงที่ พรรคธรรมนัส ยังไม่ได้ถอนตัวจากรัฐบาล 

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลก็ยังดีที่ ภูมิใจไทย มีพวกฝากเลี้ยง งูเห่าอยู่ในซีกฝ่ายค้านทั้งในพรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล-ประชาชาติ ประมาณอีก 13-14 เสียง เลยทำให้มีเสียงงูเห่าส่วนนี้ มาคอยช่วยแบ็คอัพเสียงฝ่ายรัฐบาลเวลาโหวตนัดสำคัญๆได้ 

สำหรับรอบนี้ กับศึกซักฟอก อภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างวันที่ 19 ก.ค.-22 ก.ค.และลงมติ 23 ก.ค. ที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ นายกฯและ 10 รัฐมนตรี ภายใต้ชื่อยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” 

จุดสำคัญของศึกซักฟอกครั้งนี้ก็คือ มันเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมตินัดสุดท้ายของสภาฯชุดนี้และของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์  เลยทำให้พวก “นักค้าผลประโยชน์ทางการเมือง” โดยเฉพาะพวกถือคติ

“โหวตฟรีไม่มี กดแต่ละทีต้องมีติดไม้ติดมือ”

เลยอาจต้องเตรียมต่อรองมากเป็นพิเศษ เพราะจบจากศึกซักฟอก  หลังจากนี้ ในสภาฯ เรื่องสำคัญๆที่รัฐบาลจะต้องได้เสียงโหวตสนับสนุนในสภาฯ จบหมดแล้ว อย่างร่างพ.ร.บ.งบฯ 66 วาระสาม ก็ไม่มีปัญหา ยังไงก็ผ่านแน่นอน 

ดังนั้น หากใครต้องการต่อรองทางการเมือง แบบหนักๆ รอบนี้คือโอกาสสุดท้าย ที่จะต่อรอง 

ยิ่งเมื่อ พรรคธรรมนัส 16 ส.ส. เศรษฐกิจไทย แยกตัวออกมาเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว และกำลังพยายามรวมเสียงส.ส.พรรคเล็ก ที่คุยโวมีประมาณ 16-18 เสียงผ่าน “กลุ่ม 16”  เพื่อให้ลงมติ ไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีบางคน ให้ได้มากที่สุดจนถึงขั้นลุ้นให้มีเสียวหลุดจากเก้าอี้กลางสภาฯ โดยเฉพาะรัฐมนตรีคู่แค้นธรรมนัสในพลังประชารัฐ อย่าง สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ แม้จะพบว่าบางคนเช่น “เสี่ยเฮ้ง สุชาติ” ตอนนี้กลายเป็นตัวดีลของรัฐบาลกับพรรคเล็กไปเรียบร้อยแล้ว เห็นได้จากมีแกนนำกลุ่มพรรคเล็กไปร่วมงานวันเกิดเสี่ยเฮ้งที่ชลบุรีเมื่อวันศุกร์ที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมาหลายคน 

จนทำให้ส.ส.พรรคเล็ก กลุ่ม 16 ยอมรับว่า แม้จะจับมือกับธรรมนัส พร้อมเขย่ารัฐบาล จะไม่กดปุ่มไว้วางใจให้รัฐมนตรีบางคน โดยอ้างว่า “ชี้แจงข้อกล่าวฝ่ายค้านไม่ได้” แต่กับสุชาติ ชมกลิ่น รวมถึง พลเอกประยุทธ์ นายกฯและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พวกส.ส.พรรคเล็ก บางคน ออกตัวว่า สามชื่อนี้ ยังถือว่าอยู่ในโซนปลอดภัย น่าจะได้เสียงโหวตไว้วางใจมากกว่าไม่ไว้วางใจ จนผ่านไปได้ แต่รัฐมนตรีอีกบางคน อาจต้องลุ้นหนัก 

ดังนั้น ก็เป็นไปได้ที่ อาจจะมีรัฐมนตรีบางคน ที่เพราะแม้ประเมินตัวเลขดูแล้ว เสียงส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและพวกพรรคเล็ก-งูเห่า ยังมากกว่าฝ่ายค้านพอสมควร น่าจะผ่านไปได้ แต่ถ้าอยากให้ชัวร์ อยากได้เสียงไว้วางใจเยอะๆ จะได้ไม่กลายเป็นรัฐมนตรีที่ได้คะแนนเสียงไว้วางใจต่ำสุด ก็อาจต้อง พึ่งบริการ เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ให้ช่วยเหลือไปคุยกับพรรคเล็ก แต่ขณะเดียวกัน ตัวสุชาติ เอง ที่เคยได้เสียงไว้วางใจน้อยที่สุดตอนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อกันยายน 2564 ก็ประมาทไม่ได้ เพราะหาก ธรรมนัส คู่ปรับคนสำคัญของ สุชาติ  สั่งเด็ดขาดให้พรรคเล็ก อย่าไปหนุน สุชาติ มันก็ไม่แน่ สุชาติ อาจได้เสียงไว้วางใจน้อยสุดอีกก็ได้ 

จึงบอกได้เลยว่า ศึกซักฟอกรอบนี้ การอภิปรายในห้องประชุม ตลอดสี่วันสี่คืน ก็ต้องติดตามเนื้อหาว่า ฝ่ายค้านจะมีข้อมูลอะไรเด็ดๆ มาโชว์กลางสภาฯหรือไม่ หรือจะมีแต่ราคาคุย ไปเที่ยวตีปี๊บเอิกเริก คุยเขื่องรอบนี้  “ยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน” รัฐบาลประยุทธ์ไม่รอด แต่ครั้น ถึงเวลาจริง ดาบที่ฝ่ายค้านเตรียมไว้จะฟัน พลเอกประยุทธ์และ 10 รัฐมนตรี กลายเป็นดาบขึ้นสนิม ฟันไม่เข้า เพราะเนื้อหา ข้อมูลการอภิปราย บ้อท่า จืดสนิท เรียกได้ว่า เป็นเดิมพันของฝ่ายค้านเหมือนกัน ว่าจะมีน้ำยาหรือไม่ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจมาแล้วสามครั้ง ยังฟัน พลเอกประยุทธ์ไม่เข้าสักที 

ขณะเดียวกัน ต้องติดตามความเคลื่อนไหว “เกมการเมืองนอกห้องประชุมสภาฯ” ที่รอบนี้ จะเข้มข้นระดับหนึ่ง แม้ไม่ร้อนแรงเหมือนกันยายน ปีที่แล้ว ที่ถึงขั้นวางแผน “ล้มประยุทธ์กลางสภาฯ” แต่ไม่สำเร็จ

กระนั้น รอบนี้ เชื่อว่า ฝ่ายตรงข้าม บิ๊กตู่และ 10 รัฐมนตรี คงมีการวางหมาก การเมืองกันหลายชั้น เช่นการปั่นกระแสเสียงโหวตอาจมีปัญหา  เพื่อทำให้พลเอกประยุทธ์และรัฐมนตรีบางคนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องเสียสมาธิ เพราะต้องคอยจดจ่อ สาละวน อยู่กับการเช็คเสียงโหวตนอกห้องประชุมสภาฯ 

มองได้ว่า ศึกซักฟอก รอบนี้เรื่องการล็อบบี้-เจรจาต่อรองทางการเมือง คงมีแน่ และคงเกิดขึ้นกับทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล 

ในส่วนของซีกฝ่ายค้าน คนซึ่งจะเคลื่อนหนักๆ ในช่วง 1-2 วันสุดท้าย ก่อนวันลงมติ คงไม่พ้น ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่อาจต้องการโชว์ศักยภาพบางอย่าง ให้ทั้งฝ่ายทักษิณ ชินวัตร-เพื่อไทยและฝ่ายพลเอกประวิตร พลเอกประยุทธ์ พลังประชารัฐ เห็นว่าตัวเองเป็นนักการเมือง หัวหน้าพรรคที่มี “ราคาการเมือง” ในการดีลกลุ่มต่างๆ ได้ โดยแม้รอบนี้ ธรรมนัส คงไม่เคลื่อนไหวถึงขั้นล้มประยุทธ์ เพราะรู้ว่าทำได้ยาก แต่อาจเคลื่อนไหวล็อบบี้ส.ส.บางกลุ่ม  เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่นเพื่อต่อกร กับคู่ปรับการเมืองในพลังประชารัฐ

อย่างไรก็ตาม ตัว ธรรมนัส เองก็ต้องระวังเช่นกัน เพราะมีข่าวลือหนาหูว่า อาจจะมีส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย บางคน “แหกโผ” ไม่ลงมติไปในทางเดียวกับมติพรรค

โดยอาจจะไปลงมติ ไว้วางใจหรือไม่ก็อาจงดออกเสียงหรือไม่ลงมติใดๆ ตอนลงมติให้กับรัฐมนตรีบางคน  เพราะมีกระแสข่าวว่า เศรษฐกิจไทยเอง ข้างในเริ่มมีปัญหา ส.ส.บางคน เตรียมชิ่งออกจากพรรคแล้ว มีทั้งกลับรังเดิม พลังประชารัฐและเข้าภูมิใจไทย แต่ไม่รู้ว่า จะกล้าแสดงฤทธิ์เดช หักกับธรรมนัส งานนี้เลยหรือไม่ ซึ่งหาก ธรรมนัส ยังคุมลูกพรรคตัวเองในศึกนี้ไม่ได้  มีหวัง บารมีหมดแน่ 

ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล ตัวคีย์แมนที่จะคอยเช็คเสียงให้ฝ่ายรัฐบาล คงมีไม่กี่คน ตัวหลักๆ ก็อาทิ “อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย” ที่จะต้องกดปุ่มสั่งส.ส.งูเห่าของภูมิใจไทยในพรรคก้าวไกล-เพื่อไทย-ประชาชาติ ให้ออกเสียงหนุนฝ่ายรัฐบาล และไม่แน่ รอบนี้ อาจจะมี “งูเห่าตัวใหม่”โผล่ขึ้นมาอีก  อีกทั้ง อาจจะมีเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ที่จะมาเป็นตัวเดินเกม คุมเสียงล็อบบี้พรรคเล็ก ให้โหวตให้ตัวเองและนายกฯรวมถึงรัฐมนตรีของพลังประชารัฐ โดยคาดว่า จะมีเสี่ยสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลังและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จะมาช่วยอีกแรง 

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแมทช์สุดท้ายของสภาฯชุดนี้ การเมืองทั้งในและนอกห้องประชุมสภาฯ คงเข้มข้นตั้งแต่เริ่มเปิดประชุมสภาฯทันที 

แสดงความเห็น