ฝันสลาย ยู-23 ชุดเต็มสูบ ‘โย่ง’ หรือ ใคร ช่วยกันลิขิตให้ลงเอยแบบนี้

DST.Special Report : ปรับอารมณ์กันแทบไม่ถูกเลยใช่มั้ย! เมื่อคืนวันที่ 8 มิ.ย. ราวๆ 3 ทุ่ม เราชุ่มชื่นอุราที่เห็น‘ช้างศึกซีเนียร์’ ปฏิบัติภารกิจสำเร็จ สอนเชิง มัลดิฟส์ ไปเบาะๆ 3 เม็ด 

ในเกมรอบคัดเลือกเอเชียน คัพ แต่พอขาดอีกไม่กี่นาที 4 ทุ่ม เรากลับดำดิ่ง หลังเห็น ‘ช้างศึกจูเนียร์’ ยู 23 พ่ายเกาหลีใต้ พร้อมกับตกรอบ ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้าย

ไม่กี่วันก่อน พวกเราเพิ่งจะดื่มด่ำในชัยชนะเหนือมาเลเซีย 3-0 มิเพียงเท่านั้นยังสุดปัง ขึ้นไปยืนตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่ม เหนือเกาหลีใต้เสียอีก

จาก ‘จ่าฝูง’ มาสู่ ‘ตกรอบ’ ในรอบไม่กี่วัน หรืออาจจะนับเป็นชั่วโมงยังได้ มันยากที่จะใช้เวลาแปบเดียวเพื่อบอกตัวเองให้ยอมรับความจริงว่า “กีฬามีแพ้มีชนะ”

และตามระเบียบ หรือจะตามสเตปอะไรก็แล้วแต่ คนที่ต้องเซ่นความล้มเหลวนัมเบอร์วัน คงหนีไม่พ้น ‘โค้ชโย่ง’ วรวุฒิ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ผู้ชายคนตัวสูงๆ ที่แฟนบอลบางคนง้างแป้นคีย์บอร์ดดูถูกเหยียดหยัน รอถล่มแก ตั้งแต่ยังไม่ได้นั่งเครื่องบินพ้นน่านฟ้าประเทศตัวเองด้วยซ้ำ

ไม่ผิดหรอก ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดในการวางระบบแบบแผน และครีเอทยุทธศาสตร์การเล่น เมื่อทำไม่สำเร็จตามเป้าหมาย ต้องพร้อมรับ ‘คณะทัวร์’ เป็นคนแรก

บางทีแอบคิดว่า ถึงเวลานี้แกอาจบรรลุคำว่า ‘ฟ้าลิขิต’ มากกว่าใครๆ ก็ได้ เพราะในขณะที่คำด่าทอค่อยๆ เจือจางไปแปบนึง จากการมี 4 แต้ม ใน 2 นัด ปาดคอ ‘เสือเหลือง’ มาเลเซียแบบสุดต๊าซ นักเตะเริ่มเข้าที่เข้าทางเข้าใจการเล่น ประกายความหวังในการยันเสมอเกาหลีใต้ได้ แต่ดันมาเจอปัญหาอาการบาดเจ็บ ป่วยไข้ของนักเตะในแมตซ์สำคัญ

เจอฟ้าลิขิตชะตาตัวเองเข้าให้อย่างจังไปเลย!

จริงๆ มันยอมรับได้แหละ กับการต้องแพ้ให้ทีมอย่างเกาหลีใต้ ที่เป็นเด็กห้องคิงส์ในทวีปเอเชีย เพียงแต่มันรำพึงรำพันในอกงุ้งๆ งิ้งๆ ว่า เราน่าจะทำได้ดีกว่านี้

แต่ไม่เป็นไร สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เมื่อไม่สำเร็จก็ต้องรับผิดชอบกันไปตามครรลองที่โค้ชฟุตบอลต้องเจอเมื่อทำภารกิจล้มเหลว และเชื่อว่า ‘โค้ชโย่ง’ แกก็คงรู้ตัวดี 

กระนั้น จะโทษแกคนเดียวคงไม่ถูก เพราะ ‘โค้ชโย่ง’ ไม่ได้มาอ้อนวอนขอคุมทีม แต่ผู้บริหารเป็นคนเลือก ฉะนั้น ต้องแชร์ทัวร์ไปด้วย

และส่วนตัวมองว่า หากจะหาต้นเหตุสำคัญ ขออนุญาตโทษการบริหารจัดการของผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบ เด็กชุดนี้แม้จะเป็นตัวกลั่นโปรไฟล์สวยปิ๊ง ฝีเท้าพระกาฬ จนถูกยกให้เป็นยู 23 ที่โคตรเฟี้ยวตั้งแต่มีมา แต่กลับมีเวลาเตรียมทีมแค่ไม่กี่วัน

จริงๆ นับเป็นชั่วโมงยังได้ ‘ลูกโซ๋’ นิโคลัส มิคเคลสัน แบ็กขวาโอบี โอเดนเซ่ กับแก๊งบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา นพพล ละครพล ที่ตามมาทีหลัง มีโอกาสได้ซ้อมกับเพื่อนอยู่ 2 วันมั้ง

หรือจะตัดเคสข้างบนไป เด็กที่นั่งเครื่องนำหน้าไปคณะแรก ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันถึงสัปดาห์หรือเปล่า

เราอยากประสบความสำเร็จ อยากไปได้ไกลได้ลึกที่สุด แต่มีเวลาให้ ‘โค้ชโย่ง’ ดีไซน์ทีมอย่างกับจะไปแข่งกีฬาสี กีฬา อบต.อย่างนั้นหรือ?

สมาคมและผู้ใหญ่ต้องคิดเรื่องนี้ใหม่ และโดยด่วน เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ หลายครั้งฟุตบอลทีมชาติมีเวลาซ้อมเหมือนแค่ให้นักเตะออกมาวอร์มร่างกายด้วยกัน

เช่นเดียวกับเรื่องซีเกมส์ที่ผ่านมา การที่เรารักพี่เสียดายน้อง ยึดติดศักดิ์ศรีจนไม่กล้าปล่อยมันไป ยังเอาเด็กบางส่วนไปเตะ แบบกั๊กๆ หวังได้ แต่ไปไม่สุด ก่อนที่จะลงเอยด้วยเหรียญเงิน มันก็น่าคิดว่า ถ้าเอาช่วงเวลานี้ไปเตรียมทีมน่าจะเวิร์คกว่ามั้ย

พอไม่สุดที่ซีเกมส์ หวังได้ตัวเกรดเอมาสู้ศึกชิงแชมป์เอเชีย สุดท้ายเจอเรื่องเตรียมทีม ความฟิต กลายเป็นปลาหลุดมือทั้งสองตัว

หลายเรื่องในเหตุการณ์นี้มันสอนเราได้เป็นอย่างดี หวังว่าสมาคมและผู้หลักผู้ใหญ่คงเห็นและไม่อยู่นิ่งแล้ว

แฟนบอลด่า แฟนบอลโวยวาย เข้าใจเขาเหอะ เพราะทุกคนก็เป้าประสงค์เดียวกันคือ อยากให้ช้างศึกชนะ หรือหากจะแพ้ ช่วยแพ้แบบยอมรับได้ ไม่มีอะไรให้ต้องโทษ

ไม่มีใครซ้ำเติม เชื่อว่า แฟนบอลส่วนใหญ่พร้อมโอบอุ้มเด็กชุดนี้ เพียงแต่ผู้หลักผู้ใหญ่จะแก้ไม่ให้มันวนลูปเดิมๆอีก.

________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ ช้างศึก

แสดงความเห็น