“ศิธา” ชี้ ยกเลิกจุดผ่อนผันการค้าหาบเร่ กระทบคนตัวเล็ก ประกาศคืนพื้นที่ค้าขายหากได้เป็นผู้ว่าฯ

“ศิธา” ระบุ กทม.ยกเลิกจุดผ่อนผันการค้าหาบเร่ กระทบคนตัวเล็กจำนวนมาก ประกาศคืนพื้นที่ค้าขายหากได้เป็นผู้ว่า กทม.แนะดูความเหมาะสม บอก ขอคิดต่าง สร้างกทม.เป็นต้นแบบ Street Food โลกอาหารสะอาด รสชาติอร่อย เทศกิจเป็นมิตร เชื่อดึงเม็ดเงินจากทั่วโลกได้มหาศาล

น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่กรุงเทพฯประกาศยกเลิกจุดผ่อนผันให้ทำการค้าหาบเร่แผงลอย ในพื้นที่ 13 สำนักงานเขต รวม 125 จุด โดยให้เหตุผลว่าสภาพแวดล้อมได้มีการเปลี่ยนแปลง การค้าขายของผู้ค้าไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย กีดขวางการสัญจรของประชาชนนั้น ตนเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวที่เพิ่งประกาศผ่านราชกิจจานุเบกษา มีผลกระทบถึงพ่อค้าแม่ขายพี่น้องประชาชนคนตัวเล็กที่หาเช้ากินค่ำเป็นจำนวนมาก เป็นการบังคับใช้กฎหมาย กฎเกณฑ์  ที่ไม่เข้าใจ การทำมาหากินของคนตัวเล็ก ไม่เข้าใจวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน และไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง

ดังนั้น หากตนได้รับโอกาสให้ เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะขอคิดต่างเพื่อคนกรุงเทพฯ จะพิจารณาถึงความเหมาะสม ให้เกิดความสมดุลระหว่างการทำมาค้าขาย กับการใช้ชีวิตของประชาชน และจะพิจารณาคืนจุดผ่อนผันให้พี่น้องสามารถกลับมาค้าขายได้ทันที จากนั้นจะประสาน กับภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพูดคุยกับทุกฝ่าย หารือปรับจุดที่สามารถค้าขายได้อย่างเหมาะสมต่อไป

“ใครที่อยากค้าขายต้องได้ค้าขาย  ต้องมีพื้นที่ค้าขายให้พ่อค้าแม่ค้าได้ค้าขายกันอย่างเต็มที่ตลอด7วัน รวมทั้งจัดพื้นที่ ส่งเสริมการค้าขายตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในจุดที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เช่นพื้นที่ถนนข้าวสาร บางจุดของถนนสุขุมวิท หรือห้วยขวาง เป็นต้น โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ เพื่อไม่ให้กระทบกับการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่นั้นๆ” น.ต.ศิธา กล่าว

น.ต.ศิธา กล่าวว่า หากตนได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะขอคิดต่างเพื่อสร้างกรุงเทพ ให้เป็นมหานครแห่งความสร้างสรรค์ ใช้วัฒนธรรมสร้างเศรษฐกิจ นำรายได้สู่เมืองหลวง เช่น การยกระดับ Street Food กทม. ให้เป็น Street Food ต้นแบบของโลก ที่มีอาหารสะอาด รสชาติอร่อย เทศกิจเป็นมิตร และของดีประจำถิ่น 1 เขต 1 ถนนเศรษฐกิจ สร้างธุรกิจ ค้าขายได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถ ดึงเม็ดเงินจากทั่วโลก เข้าสู่ประเทศ และกรุงเทพฯได้มหาศาล

แสดงความเห็น