พรรคปัดเศษ รอนาทีทอง เคาะกะลา-ปั่นราคา ค่าตัวพุ่ง!

กระหยิ่มยิ้มย่องกันไปตามกัน สำหรับ “ดีลแผนจับมือ” ระหว่าง เพื่อไทยกับส.ส.พรรคเล็ก กลุ่ม 16 ที่นำทีมปั่นราคาตัวเองโดย เสี่ยพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ ที่ออกมา ทำท่าขึงขัง ตรวจสอบ

“โครงการบริหารและดำเนินกิจการท่องส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก(EEC)” ระหว่าง กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ที่ชนะการประกวดราคาโครงการดังกล่าวที่มีมูลค่ากว่า 2.5 หมื่นล้านบาท  

หลังกรมธนารักษ์ ได้เลื่อนการเซ็นสัญญาโครงการดังกล่าวจากเดิมจะเซ็นเมื่อ 3 พ.ค.ออกไปอย่างไม่มีกำหนด 

ทำให้ เพื่อไทย โดยยุทธพงศ์ จรัสเสถียร และพิเชษฐ ที่แม้เป็น ส.ส.พลังประชารัฐ แต่ไม่ได้ผูกพันอะไรกับพรรคอยู่แล้ว เพราะเข้ามาหลังยุบพรรคเล็กของตัวเองคือประชาธรรมไทมาอยู่กับพลังประชารัฐ ตามคำชักชวนของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และธรรมนัส พรหมเผ่า สมัยเป็นเลขาธิการพลังประชารัฐ 

พอการลงนามสัญญาโครงการท่อส่งน้ำฯถูกเลื่อนออกไป หลังทั้ง ยุทธพงศ์และพิเชษฐ จับมือกัน ออกมาตรวจสอบโครงการ พร้อมกับ ขย่ม สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลังและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แล้วปรากฏว่าได้ผล เพราะกรมธนารักษ์ เลื่อนการเซ็นสัญญาออกไป

เลยทำให้ เพื่อไทยกับพิเชษฐ ก๊วน 16 ยืดอก เคลมทันทีว่า เป็นผลงานของตัวเอง     จนทำให้ นัดหมายเดิมที่ ยุทธพงศ์ เพื่อไทย จะนัดกินข้าวกับพิเชษฐ และกลุ่ม 16 วันพุธที่ 4 พ.ค.นี้ เลยเลื่อนออกไป 

โดยสองฝ่ายอ้างว่า เมื่อเลื่อนการเซ็นสัญญาโครงการและนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานบอร์ดอีอีซี จะให้มีการตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการประมูลและการทำสัญญาก่อนว่าทำถูกต้องหรือไม่     ทาง “ยุทธพงศ์ -พิเชษฐ” เลยบอกว่า ถือว่าพอใจแล้ว นัดหมายแลกเปลี่ยนข้อมูลก่อนถึงศึกซักฟอก เลยเลื่อนออกไปก่อน 

ที่แน่ๆ งานนี้ เข้าทาง กลุ่ม16 เพราะทำให้ พิเชษฐ สถิรชวาล ดูมีราคาค่างวด  หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ออกมาขู่ หากพลเอกประยุทธ์ นายกฯ ไม่สั่งเบรกการทำสัญญา ก็จะนำทีมส.ส.พรรคเล็ก ไม่โหวตไว้วางใจให้กับ  พลเอกประยุทธ์ในช่วงถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 

ทั้งนี้ หากไปสแกนดูพรรคเล็กที่มีส.ส. 1-5 เสียงในสภาฯ จะพบว่า ความเป็นจริงแล้ว พรรคเล็กเองไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ  ต่างฝ่ายต่างก็วิ่งเกาะพรรคใหญ่ -แกนนำรัฐบาล ในช่วงต่างๆ เพื่อผลประโยชน์การเมืองของตัวเอง จนเกิดตำนาน

“กินกล้วย-แจกกล้วย” ขึ้นในสภาฯชุดนี้ ที่มีพรรคการเมืองร่วมๆ 25-26 พรรค

ยิ่งกลุ่ม 16 ที่พิเชษฐ อ้างว่า มีเสียงส.ส.ในกลุ่มร่วม 18 เสียงนั้น แท้ที่จริงแล้ว ก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น เพราะอย่าง ส.ส.พรรคเล็กหลายคนที่ไปร่วมโชว์ตัว นั่งวงกินข้าวกับพิเชษฐ และแกนนำรัฐบาลและฝ่ายค้านในหลายโอกาส  

ข่าววงในบอกว่า  หลายคนที่ไปเพราะอยากไปสังเกตการณ์ ไปดูว่า บรรยากาศการเมืองพรรคเล็กต่อรองกับทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน เป็นยังไง ยิ่งหาก มีการรับปากว่าจะดูแลกันและกัน  ก็เป็นที่รู้กันว่า ส.ส.พรรคเล็ก หลายคน ก็พร้อมจะไปร่วมโชว์ตัวด้วย แต่ก็ไม่ได้มุ่งหวังจะไปเกาะกลุ่มกันแบบ ร่วมหัวจมท้ายกับเสี่ยพิเชษฐ แต่อย่างใด 

ดังนั้น ที่พิเชษฐ คุยเขื่องว่าคุมส.ส.พรรคเล็กได้ร่วมๆ 20 เสียง ในสภาฯ ที่จะเป็นตัวแปรทางการเมืองในโอกาสสำคัญๆ เช่น การลงมติในศึกซักฟอก  จริงๆ แล้ว เป็นแค่ราคาคุย ของพิเชษฐ เพราะยามถึงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มจริงๆ โดยเฉพาะหากต้องมีการ “ชิงเสียง” กันตอนโหวตไม่ไว้วางใจ หากฝ่ายตรงข้าม พิเชษฐ มีการให้สัญญาใจกับส.ส.พรรคเล็กที่ดี  ทุกคนก็พร้อมจะแยกวงจาก “ก๊วน 16” ทันที  

ขณะที่ พิเชษฐ เอง เลือกตั้งรอบหน้า ยังไง ก็คงไม่อยู่พลังประชารัฐแน่นอน เพราะถึงอยู่ ก็ไม่มีอนาคต เนื่องจากเป็นคนของ ธรรมนัส  พอธรรมนัส ไม่อยู่ พิเชษฐ ก็เคว้ง 

ยิ่งตอนนี้ มาหักกับ สันติ รมช.คลัง-เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ถึงขั้นไปจับมือฝ่ายค้าน เขย่าเก้าอี้ ดิสเครดิต สันติ ในเรื่องท่อส่งน้ำฯ ก็ยิ่งอยู่ไม่ได้     จึงไม่แปลกที่ พิเชษฐ จะพยายามสร้างบทบาททางการเมืองในช่วงนี้ โดยเป็นไปได้ที่จะย้ายไปอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทยของ ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือไม่ก็อาจไปรวบรวมพวกพรรคเล็ก ให้มายุบรวมกัน เหลือแค่พรรคเดียว แล้วทำการเมืองต่อไป 

ส่วนการเคลื่อนไหวของพวกพรรคเล็ก ที่พร้อมจะสวิงไปขั้วไหนก็ได้ ตามแต่การต่อรองทางการเมือง 

หลังจากนี้ ลำดับแรก พวกพรรคเล็ก  คงรอลุ้นให้กฎหมายเลือกตั้งส.ส. เคาะสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ ออกมาที่ เอา 500 หาร ไม่ใช่ 100 หาร เพราะหาก 500 หาร ยังทำให้อาจจะยังทำพรรคขนาดเล็กต่อไปได้ เพราะส่วนใหญ่พรรคเล็ก ก็หวังสัดส่วนปาร์ตี้ลิสต์อยู่แล้ว ไม่หวังเก้าอี้ส.ส.เขต เลยต้องหวังกฎหมายเลือกตั้งส.ส. ที่จะออกมาเพื่อต่อลมหายใจพรรคเล็กให้พอถูไถไปได้ 

โดยก็อาจเอาเรื่องสูตร 500 หาร ไปต่อรอง กับพวกแกนนำรัฐบาล- แกนนำพลังประชารัฐให้พลังประชารัฐ หนุนสูตร 500 หาร  เพื่อแลกกับการเป็น “เด็กดี-สั่งได้”ในช่วงศึกซักฟอก โดยจะไม่ออกอาการเด็กดื้อหิวกล้วย ยิ่งหากมีอะไรมาอัดฉีด ดูแลกันบ้าง แลกกับเสียงโหวตไว้วางใจ ตอนศึกซักฟอก ก็รับรองได้ว่า ส.ส.พรรคเล็ก ส่วนใหญ่คงไม่มีใครแตกแถว 

ที่ต้องดูว่า แกนนำรัฐบาล-แกนนำพลังประชารัฐ จะรับลูกด้วยแค่ไหน เพราะอาจอ้างว่า หากใช้สูตร 500 อาจมีปัญหาขัดรัฐธรรมนูญ ก็ทำให้พวกพรรคเล็กกินแห้วไป ยิ่งมีกระแสข่าวเรื่อง “ซื้อตัวส.ส.5-30 ล้านบาท ล้มพลเอกประยุทธ์” ที่เป็นข่าวซึ่งไม่เป็นผลดีกับพวกพรรคเล็ก ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก เพราะหากส.ส.พรรคเล็ก ออกมาเขย่ามาก ย่อมไม่พ้นถูกปรามาส อยากกินกล้วย-หิวกล้วย  ทำให้พรรคเล็กต้องระวังบทบาทเช่นกัน หากเคลื่อนไหวพร่ำเพรื่อ จะถูกมองเป็นนักการเมืองวิ่งขอกล้วย 

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวต่อรองของพวกส.ส.พรรคเล็ก หากต้องการสร้างราคา-ปั่นค่าตัวการเมือง ในช่วงต่อจากนี้ มองได้ว่า ถึงอาจมีการเคลื่อนไหวในบางจังหวะ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากนายกฯและแกนนำรัฐบาล แต่คงเคลื่อนไหวไม่มาก ไฮไลท์จริงๆ คงไปอยู่ช่วง “ศึกซักฟอก” กลางปีนี้ ที่ถือเป็นช่วงนาทีทอง เพราะทุกเสียงในสภาฯล้วนมีความหมาย โดยเฉพาะเสียงโหวต ไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ ยิ่งมีกระแสข่าว “นายกฯ ขัดตาทัพ-นายกฯคนนอก” หากพลเอกประยุทธ์หลุดจากตำแหน่ง ยิ่งทำให้ ทุกเสียงของส.ส.ทั้งพรรคใหญ่-พรรคเล็ก มีราคาค่างวดทั้งสิ้น 

ถึงตอนนั้นแหละคือช่วง นาทีทอง ของพวกส.ส.พรรคปัดเศษ อย่างแท้จริง 

แสดงความเห็น