บุกจับ ‘แม่ค้าออนไลน์’ เปิดเพจ กระต่ายshop ขายเสื้อผ้าบังหน้า เจ้าตัวอ้างไม่เกี่ยวข้องขบวนการค้ายา

ตร. จับกุม ‘แม่ค้าออนไลน์’ เปิดเพจ กระต่ายshop ขายเสื้อผ้าบังหน้า  เครือข่ายยาใหญ่ จ.สระบุรี พบเป็นตัวสั่งการและจัดทีมขนยาเสพติด  เจอเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 200 ล้านเชื่อมโยงผู้ต้องหาค้ายาที่หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมยึดทรัพย์ได้กว่า 100 ล้านบาท ด้าน ผู้ต้องหา อ้างไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายา พร้อมชี้แจงที่มารายได้

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับกุม ‘แม่ค้าออนไลน์’ เปิดเพจ กระต่ายshop ขายเสื้อผ้าบังหน้า  เครือข่ายใหญ่ จ.สระบุรี พบเป็นตัวสั่งการและจัดทีมขนยาเสพติด  เจอเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า200ล้านเชื่อมโยงผู้ต้องหาค้ายาที่หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมยึดทรัพย์ได้กว่า100ล้านบาท ด้าน ผู้ต้องหา อ้างไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายา พร้อมชี้แจงที่มารายได้

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดปฏิบัติการสยบไพรี 65/11 นำกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าจับกุม น.ส.สุทธิตา สิงห์เคน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาข้อหา สนับสนุนช่วยเหลือ ,สมคบฟอกเงิน ในขบวนการค้ายาเสพติด ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี  หลังตำรวจขยายผลการจับกุมยาเสพติด และสืบทราบว่า น.ส.สุทธิตา หรือ กระต่าย ทำหน้าที่เป็นตัวการในการจัดหายา และสั่งการคนขนยาเสพติด โดยมีการเปิดร้านกระต่ายช็อป ซึ่งเป็นร้านขายเสื้อผ้าบังหน้า และจากแนวทางการสืบสวน พบว่า กระต่าย จะสั่งการผ่านลูกน้องของตนเองที่ร้าน ชื่อ นางสาวกนกกร จำปานาค ให้ทำธุรกรรมทางการเงินแทนทั้งหมด  ซึ่งตอนนี้ กนกกร หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

โดย กระต่าย อ้างว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและขบวนการขนยาลำเลียงยา ที่ผ่านมาทำอาชีพขายเสื้อผ้าออนไลน์ โดยจะไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กในเพจ กระต่ายช็อป มีใบจดทะเบียนบริษัททุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทเมื่อปี 2562 และอ้างว่า มีการเสียภาษีทุกปี และรายได้หลักมาจากการขายเสื้อผ้าเท่านั้น ซึ่งการขายแต่ละครั้งมีรายได้วันละกว่า 1 ล้านบาท และกระต่ายยืนยันว่า พร้อมจะชี้แจงรายละเอียดกับตำรวจได้ทั้งหมด

ทั้งนี้นักข่าวถามว่า รู้จักกับ กนกกร หรือไม่ กระต่ายยอมรับว่า รู้จักเพราะเคยเป็นแอดมินเพจของตัวเอง และได้ออกไปนานกว่า 2 ปีแล้ว โดยไม่ทราบว่าไปไหนเพราะตอนออกไปไม่ได้แจ้งกับตนเอง และอ้างว่าไม่เคยใช้ให้ กนกกรโอนเงินและไม่ได้ให้กนกกรดูแลการเงินของบริษัท และไม่รู้จักกับ เครือข่ายค้ายาที่ประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนเส้นทางการโอนเงินไปให้บุคคลอื่นครั้งละหลายล้านบาทหรือไม่นั้น กระต่ายยืนยันว่า ไม่มี และมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง งงมากที่ตำรวจนำกำลังเข้ามาในวันนี้

ซึ่งการตรวจค้นที่บ้านหลังดังกล่าวยังสามารถตรวจยึดทรัพย์ได้เพิ่มเติมอีกกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนาฬิกาหรูและกระเป๋าแบรนด์เนม รวมถึงตรวจยึดอาวุธปืน 2 กระบอกของบุคคลในบ้านได้อีกด้วย

จากนั้นเดินทางมาตรวจค้น ที่ตั้งของร้านกระต่ายช็อปในตัวเมืองอำเภอพระพุทธบาท ซึ่งเป็นโกดังสินค้าเสื้อผ้าที่ใช้ในการไลฟ์สดขายของ ผ่านทางเพจ กระต่ายชอปเสื้อผ้าแฟชั่น และจากการตรวจสอบเพจพบว่า จนถึงเมื่อวานนี้ยังคงมีการโพสต์ข้อความขายของอยู่ตามปกติ

ขณะที่ พลตำรวจเอกรอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าทำการสอบปากคำผู้ต้องหา พร้อมเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ซึ่งตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานเส้นทางการเงินว่าสามารถเอาผิดได้

ด้านพลตำรวจตรีธนรัชน์ สอนกล้า ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 เปิดเผยว่า แนวทางการสืบสวนของตำรวจ พบว่าผู้ต้องหารายนี้มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดสระบุรีที่เคยมาจับไปก่อนหน้านี้คือ นายศุภชัย และนายชัยวุฒิ ธารีรักษ์ หรือ มิกซ์-แม็กซ์ คิสเนอร์ ผู้ต้องหาที่เป็นคู่แฝดกัน และถูกยิงเสียชีวิตก่อนตำรวจเข้าจับกุมเมื่อปี 2561 ส่วนอีกคนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม เมื่อปี 2562 ในจังหวัดลพบุรี จากนั้นก็พบว่ามีการตั้งเครือข่ายขึ้นมาใหม่เพื่อค้ายาเสพติดในพื้นที่นี้

ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจากการจับยาบ้า 12 ล้านเม็ด เมื่อปี 2563 และยาบ้า 590,000 เม็ด และคดีจับไอซ์ 516 กิโลกรัม เมื่อปี 2564 ที่ส่วนใหญ่ลำเลียงมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อนจะพบความเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสาร และเส้นทางการโอนเงิน ระหว่างผู้ต้องหาที่จับได้พร้อมของกลาง และผู้สั่งการรายใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้าน มาถึง กระต่าย ผู้ต้องหาที่เข้าจับกุมในวันนี้

และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา ก็พบว่า มีการทำธุรกิจบังหน้าหลายอย่าง และให้บุคคลอื่นถือครองทรัพย์สินแทนหลายอย่าง โดยนำเงินไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมหลายชนิด ส่วนการตั้งบริษัทที่ค้าขายเสื้อผ้า มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท แต่ยังไม่พบหลักฐานการเสียภาษี และยังพบเงินหมุนเวียนในรอบปี 2562 กว่า 242 ล้านบาท

ทั้งนี้แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา ที่จะต้องมาชี้แจงที่มาของเงินต่างๆให้ได้ ซึ่งตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานแน่นจนนำไปสู่การอนุมัติหมายจับของศาล และจากแนวทางการสืบสวน ยังพบอีกว่า กระต่าย ตอนนี้ ถือเป็นผู้สั่งการรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง จังหวัดลพบุรี สระบุรี อยุธยา และถือเป็นเครือข่ายใหญ่ที่สุดในอำเภอพระพุทธบาทด้วย

สำหรับการปฏิบัติการสยบไพรี65/11 “The Dark Rabbit Operation” มีการปฏิบัติการ30จุดทั่วประเทศ หนึ่งในนั้นคือบริเวณ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่พบว่ามีการปาร์ตี้ยาเสพติดเมื่อคืนนี้ และมีสามีของกระต่าย และลูกน้องของสามี รวมอยู่ด้วย โดยจากการตรวจปัสสาวะ พบมีสารเสพติดทั้งหมด 3 คน

ทั้งนี้ตำรวจได้ตรวจของกลางทั้งบ้าน รถยนต์ นาฬิกา กระเป๋าหรู รวมมูลค่าทรัพย์สินเฉพาะวันนี้มากกว่า 105 ล้านบาท และหากรวมเงินหมุนเวียนในบัญชีรวมกว่า 300 ล้านบาท

แสดงความเห็น