“ปชป.”ตั้งหลัก รอรับมือ ผลคดี “ปริญญ์” ฉาว

หลังเกิดคดีอื้อฉาว “ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์-อดีตผอ.เลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์” ในคดีที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความเอาผิดในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา และกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ที่คดีความในชั้นพนักงานสอบสวน ยังคงมีเข้าไปเรื่อยๆ ที่สน.ลุมพินี

และล่าสุดมีการเปิดคลิปเสียงโดย ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ที่เปิดประเด็นเรื่องนี้ ได้โพสต์คลิปเสียงสนทนาระหว่างชาย-หญิง คู่หนึ่ง ความยาว 9.16 นาที โดยระบุว่าเป็นคลิปเสียงของเหยื่ออีกคน ที่ถูกรองหัวหน้าพรรคล่วงละเมิดฯ

สิ่งที่เกิดขึ้นดูแล้วคงไม่จบง่ายๆ น่าจะยืดเยื้อไปอีกเป็นเดือน และกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งในชั้นตำรวจ-อัยการ และหากสุดท้าย มีการส่งฟ้องไปที่ศาลยุติธรรม ก็คงกินเวลาอีกหลายปี หากงานนี้ไม่มี “มวยล้ม” เกิดขึ้นกลางคันเสียก่อน

แน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ย่อมทำให้เกิดคำถามในแวดวงการเมืองกันว่าเรื่องดังกล่าว ส่งผลกระทบกับพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่พรรคส่ง ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก.ครบห้าสิบเขต หรือไม่?

พบว่า ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นับแต่เกิดเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว นักการเมืองสายกทม.ประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรค อดีตส.ส.กทม.ของพรรค ต่างออกมาสื่อสารผ่านสื่อรวมถึงตัวดร.เอ้ เอง ทำนองว่า ไม่น่าจะกระทบกับการเลือกตั้ง เพราะเป็นเรื่องตัวและตอนนี้ปริญญ์ ก็ลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว ทั้งรองหัวหน้าพรรค -ผอ.เลือกตั้งกทม.-ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจทันสมัย ของประชาธิปัตย์รวมถึงสมาชิกพรรค   

กระนั้นก็ตามท่าทีทำนองดังกล่าวของคนประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เรื่องเหนือคาดหมาย เพราะคงไม่มีใครยอมรับว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-ส.ก.

เพราะหากขืนใครออกมาพูด จะยิ่งทำให้สถานการณ์ของพรรคที่กำลังย่ำแย่ ยิ่งทรุดหนักลงไปอีก นอกจากไม่เป็นผลดีแล้ว ยังทำให้ ทั้งดร.เอ้ ที่ยังเป็นรอง ทั้งชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ยิ่งเสียกำลังใจเข้าไปอีก

รวมถึงตัวผู้สมัครส.ก.ของประชาธิปัตย์ที่พบว่า หลายเขต ยังเป็นรองคู่แข่งหลายช่วงตัว ทำให้ จากเดิมที่ประชาธิปัตย์ เคยเป็น “แชมป์ส.ก.” ตอนเลือกตั้งปี 2553 ที่เคยได้ 45 ที่นั่ง ส่วนคู่แข่งคือเพื่อไทย ได้แค่  15 คน ส่วนอีกหนึ่งคนเป็นผู้สมัครอิสระ ซึ่งตอนนั้นส.ก.มี 61 เก้าอี้ แต่ปัจจุบันเหลือแค่ 50 คน แต่รอบนี้ ประชาธิปัตย์ เจอคู่แข่งทั้ง พลังประชารัฐ-เพื่อไทย-ไทยสร้างไทย-กลุ่มรักษ์กรุงเทพของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นต้น ทำให้ มีความเป็นไปได้สูงที่ ประชาธิปัตย์ อาจเสียแชมป์ส.ก. เพราะรอบนี้หากทำได้แค่สัก 20 ที่นั่ง ถือว่าทำได้ตามเป้าแล้ว แต่หากจะทำได้ตามนั้น ประชาธิปัตย์คงต้องเร่งเครื่องหนักตั้งแต่บัดนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่ 20 เก้าอี้เลย แค่ไปให้ได้ถึง 15 เก้าอี้ ชั่วโมงนี้ ดูแล้วก็น่าจะยาก!

แต่สำหรับกรณี ปริญญ์ จะส่งผลใดๆ ต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และส.ก.หรือไม่ หลายฝ่ายประเมินว่า ไม่น่าจะมี หรือหากจะมีก็น่าจะน้อย เพราะตอนนี้ ถือว่า ปริญญ์กับประชาธิปัตย์ แยกกันโดยเด็ดขาด

คนประชาธิปัตย์จึงเชื่อว่า คนกทม.จะแยกแยะออกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของปริญญ์ ไม่เกี่ยวกับประชาธิปัตย์โดยเฉพาะยิ่งไม่เกี่ยวกับ ดร.เอ้และผู้สมัครส.ก.ใดๆทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นแค่แนวคิด-การวิเคราะห์ของคนปชป.ที่ก็ต้องเข้าข้างตัวเอง แต่สุดท้าย เรื่องนี้ จะมีผลต่อการตัดสินใจของคนกทม.หรือไม่ ก็อยู่ที่มุมมองแต่ละคน

กระนั้นก็ตามที วันเลือกตั้งกว่าจะมาถึงก็โน่นเลย 22 พ.ค. ที่เหลือเวลาอีกร่วมเดือน ทำให้กว่าจะไปถึงตอนนั้น ข่าวเรื่องปริญญ์ ก็คงซาไปแล้ว จุดนี้ คงทำให้คนในพรรคปชป. คงเบาใจได้

ยิ่งล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจ เรื่อง ปริญญ์เอฟเฟค เลือกตั้ง กทม. จาก 1,548 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15 – 16 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา

โดยผลโพลดังกล่าวระบุว่า เมื่อถามถึง การรับรู้ข่าว  ปริญญ์ ของคน กทม. พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 46.3 รับรู้มากถึงมากที่สุด ร้อยละ 31.3 รับรู้ปานกลาง และร้อยละ 22.4 รับรู้น้อย ถึง ไม่รู้เลย

ผลสำรวจระบุว่า ที่น่าพิจารณาคือ ผลกระทบของข่าว นาย ปริญญ์ ต่อการตัดสินใจเลือกตั้งผู้ว่า กทม. หลังจากทดสอบค่านัยสำคัญทางสถิติ พบว่า “ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ต่อ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์” แม้มีค่าติดลบ คือ -.029 ก็ตาม นอกจากนี้ ไม่มีนัยสำคัญต่อ ผู้สมัครคนอื่นด้วย เช่น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง แม้ติดค่าลบจากข่าว นายปริญญ์ฯ เช่นกัน คือ -.054 แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ แต่นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ มีค่าเป็นบวก คือ +.054 แต่ไม่มีนัยสำคัญ

ทว่า จุดที่น่าสนใจคือ มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. สองคนที่ผลการทดสอบ ปริญญ์ฯ เอฟเฟค พบว่า มีค่าผลกระทบเป็นบวก และมีนัยสำคัญทางสถิติคือ สกลธี ภัททิยกุล ได้ +.161 และมีนัยสำคัญทางสถิติกว่าร้อยละ 99 รวมถึง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ที่ได้รับผลกระทบในทางบวกคือได้ +.091 และมีนัยสำคัญทางสถิติกว่าร้อยละ 90 ตามลำดับ ส่วนผู้สมัครคนอื่น ทดสอบผลกระทบของ ปริญญ์ เอฟเฟค แล้ว ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ

“ความหมายคือ ไม่มีผลกระทบอะไรต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. ของคน กทม.”

จุดที่น่าสนใจ จาก ปริญญ์ เอฟเฟค ในการสำรวจครั้งนี้ พบว่า สกลธี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.7 ในครั้งที่ 1 มาเป็นร้อยละ 10.1 ในการสำรวจครั้งล่าสุดขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน  เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.1 มาอยู่ที่ร้อยละ 9.8

สิ่งนี้ถือเป็นข้อมูลที่เชื่อว่า พรรคปชป.โดยเฉพาะทีมงานทำแคมเปญ หาเสียงเลือกตั้งกทม.ของพรรค คงนำไปพิจารณาในการวางแผนหาเสียงต่อไป

ประเด็นที่น่าสนใจต่อจากนี้ก็คือ การหารือตัวผอ.เลือกตั้ง กทม.ของประชาธิปัตย์ที่จะมาแทน ปริญญ์ ซึ่งตามกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นฯ คนที่จะมาช่วยหาเสียงได้ ต้องไม่มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ทั้งส.ส.-รัฐมนตรี-ที่ปรึกษารัฐมนตรี แต่มีตำแหน่งการเมืองในพรรคได้

หากดูในกรรมการบริหารพรรค คนที่พอมีอาวุโส และไม่ได้เป็นส.ส. ไม่ได้เป็นที่ปรึกษา-เลขานุการรัฐมนตรี-ผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็มีอยู่ไม่กี่คน แต่คำถามคือ จะมีใครพร้อมจะมารับงานนี้หรือไม่ กับสถานการณ์ที่ประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นต่อในการช่วงชิงผู้ว่าฯกทม.ขณะที่ เก้าอี้ ส.ก.ก็มีแนวโน้มจะเสียแชมป์

เนื่องเพราะหากผลเลือกตั้งออกมา ประชาธิปัตย์ทำได้ไม่เข้าเป้า คนที่มารับไม้ต่อจากปริญญ์ ก็อาจเสียเครดิตการเมืองได้ ไม่มากก็น้อย แต่หากพลิกสถานการณ์ได้เช่นทำให้ ประชาธิปัตย์ ได้เก้าอี้ส.ก.มาเป็นกอบเป็นกำ อีกทั้งทำให้ ดร.เอ้ ถึงไม่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม.แต่ก็อยู่ในอันดับต้น ๆ ไม่เกินอันดับสาม แค่นี้ก็ถือว่าทำงานเข้าเป้าแล้ว

แต่ระหว่างนี้ ที่ข่าวเรื่องปริญญ์ ยังร้อนฉ่าอยู่ ประชาธิปัตย์คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า การ “ขีดเส้นแบ่ง” ให้ปริญญ์กับประชาธิปัตย์ แยกจากกันให้ได้โดยเด็ดขาดในความรู้สึกของคนกทม. เรื่องนี้ เชื่อว่า ประชาธิปัตย์ คงต้องทำตรงนี้ให้ชัดมากขึ้น แล้วก็ให้ดร.เอ้และผู้สมัครส.ก.ของพรรค เร่งหาเสียงมากขึ้น และอาจต้องคิดวางแผนว่าช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง จะปล่อยหมัดเด็ดอะไรออกมา เพื่อซื้อใจคนกทม.

เพราะขืน หากไม่มีหมัดเด็ด-หมัดน็อคออกมาที่ปล่อยมาแล้วต้องเรียกเสียงฮือฮา  สงสัย สนามกทม.รอบนี้ “ประชาธิปัตย์” อาจเสี่ยงจะแพ้ แบบไม่มีลุ้น !

แสดงความเห็น