“สุเทพ” เชียร์ “สกลธี” ชิงผู้ว่ากทม.ฯ เพราะเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ มีความคิดเพื่อชาติ

“สุเทพ” เชียร์ “สกลธี” ชิงผู้ว่ากทม.ฯ เพราะเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ มีความคิดเพื่อชาติและปชช.ไม่ใช่เพราะเป็น “กปปส.”  บอก อย่าวิตกกังวล “ทักษิณ” พูดเรื่องการเมืองบ่อยระยะนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กส่วนตัว Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปท.)ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP23 นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ ( 31 มี.ค.2565 ) มีการเปิดรับสมัคร ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นผู้ว่ากทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.)เขตต่างๆใครเป็นใครคงเห็นกันแล้ว บางคนลงสมัครในนามพรรค บางคนในนามอิสระ จะอิสระจริงหรือไม่ ต้องติดตามดูกันต่อไป บรรยากาศในกทม.หลังจากนี้ ก็จะเป็นบรรยากาศของสนามการต่อสู้ทางการเมืองครั้งสำคัญ และเราจะได้เห็นลีลาของผู้สมัคร กลุ่มต่างๆ ทีมต่างๆพรรคต่างๆ จะได้เห็นการเปิดตัวบุคคลของแต่ละทีม ที่จะเข้ามาร่วม ว่า ใครมีภูมิหน้าภูมิหลังอย่างไร   เราจะได้เห็นวิสัยทัศน์ของแต่ละทีมที่นำเสนอว่า  เขาคิดอ่านที่จะทำอะไรเพื่อประเทศ เพื่อกทม.เพื่อประชาชนบ้าง เราจะได้พบเรื่องเหล่านี้เมื่อเราเดินไปตามถนน จะได้เห็นป้ายหาเสียงหลากหลาย ดูแล้วมีการพัฒนาไปมาก  หลายป้ายเห็นแล้วสวยงามน่าสนใจ  เรียกว่า มีฝีมือในการทำป้ายหาเสียงอย่างน่าทึ่ง ในโลกโซเชียลก็เหมือนกัน  เราจะได้เห็นลีลาเทคนิค เนื้อหาสาระที่เขาจะสื่อผ่านมาทางโซเชียล เราจะได้เห็นว่า  ใครเก่งหรือไม่เก่ง ในการใช้ประโยชน์จาก โซเชียลมีเดีย ในสนามการเลือกตั้งในยุคใหม่ กว่าจะถึงวันที่  22 พ.ค. ที่เป็นวันเลือกตั้ง เราชาวกทม.หรือคนที่ไม่มีภูมิลำเนาในกทม. แต่มาทำงานในกทม.ก็คงได้มีโอกาสตั้งวงพูดคุย เรื่องการต่อสู้ในทางการเมือง เรื่องกทม.กันอย่างสนุก  ใครรักใคร ชอบใครก็เชียร์กันตามถนัด

นายสุเทพ  กล่าวต่อว่า  ตนนั้นชูธงเชียร์ นายสกลธี ภัททิยกุล มาตั้งแต่ต้น เรื่องนี้ก็ต้องทำความเข้าใจว่า ที่เชียร์นายสกลธี  ไม่ใช่เพราะเรื่องกปปส.จะเป็นกปปส.หรือไม่เป็น กปปส. ตนชอบนายสกลธี  ตนชอบคนหนุ่มๆ ที่มีวิสัยทัศน์  มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะทำงานอุทิศตัวเองทำงานให้กับประเทศชาติ บ้านเมือง ทำงานให้กับประชาชน เรียกว่าใจถึงใจ นายสกลธี ไม่ได้มาขอร้องอะไร ตนก็ไม่ได้ไปทำอะไร นอกจากส่งเสียงเชียร์ ทำเหมือนพี่น้องประชาชนชอบใครก็เชียร์คนนั้น

“เรื่อง กปปส.มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย  หลายคนทำกันเป็นขบวนการด้วยอคติ เจตนาร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง หาว่า กปปส.นี่แหล่ะที่เป็นเหตุให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร กปปส.นี่แหล่ะที่ทำให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้  วันนี้ผมก็ยังคงไม่ไปโต้เถียงอะไรใคร ให้ความจริงมันค่อยๆปรากฏ แต่ว่าถ้ากระบวนการนี้ ทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันอย่างนี้ ผมก็คงคิดอ่านทำอะไรบ้าง ในการที่จะปกป้องเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของพี่น้องที่ออกมาต่อสู้ในคราวนั้น” นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ  กล่าวต่อว่า ประชาชนที่ออกมาต่อสู้เดินขบวนด้วยกัน 204 วัน นั้นล้วนแล้วแต่เป็นประชาชนธรรมดา ไม่ใช่นักการเมือง มีนักการเมืองน้อยมากส่วนใหญ่ประกอบอาชีพต่างๆแต่เขาทนเห็นบ้านเมืองเกิดปัญหา ที่จะทำให้เป็นความเสียหายแก่ประเทศไม่ได้ เขาจึงละทิ้งงานในหน้าที่ภารกิจในครอบครัว  ออกมาต่อสู้ๆเสร็จ ทุกคนก็กลับบ้านไปทำอาชีพตามปกติของตัวเอง  คนที่นักการเมืองที่ยังไม่เลิกการเมืองก็เดินหน้าไปในสายทางการเมืองที่ตัวเองชอบ ตนประกาศบนเวที ไว้ชัดเจนว่า จะไม่กลับไปรับสมัครเลือกตั้ง เป็นส.ส. หรือไม่รับตำแหน่งใดๆทางการเมืองอีกแล้ว และก็ยังรักษาคำมั่นสัญญานั้นอยู่ แต่สิ่งที่ยังไม่ทิ้งก็คือการทำหน้าที่พลเมือง ของระบอบประชาธิปไตย ยังสงวนสิทธิ ที่จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ที่จะสนับสนุนคนที่ไว้ใจในทางการเมือง ไม่ต้องการที่จะอ้างชื่อความเป็น กปปส.ไปเป็นต้นทุนไปสนับสนุนใคร เพราะฉะนั้น  ตรงนี้ขอทำความเข้าใจว่า ที่สนับสนุนและเชียร์ นายสกลธี ก็เชียร์ด้วยหัวใจ ในฐานะที่เป็นพลเมืองที่ต้องมีสิทธิ ต้องมีเสียงคนหนึ่งเท่านั้น

“กปปส.ไม่ใช่องค์กรทางการเมือง  เสร็จการต่อสู้คราวนั้น ก็จบกันเท่านั้น ที่เหลือไว้ก็คือความทรงจำว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต เราเคยร่วมอุดมการณ์เดียวกัน เราเคยออกมาต่อสู้ร่วมกัน ต่อสู้เสร็จจบ  วันนี้จบแล้ว ไม่มี กปปส. ผมเคยเป็นเลขาธิการ กปปส. วันนี้ผมก็ไม่ได้เอาตำแหน่งเลขาธิการกปปส. ไปหาเสียงหรือช่วยเหลือ ไปใช้ประโยชน์อะไร  อันนี้ต้องเรียนกับพี่น้องประชาชน  ส่วนใครจะกล่าวหาอย่างไรเป็นเรื่องของเขา” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า กทม.เป็นสนามการต่อสู้ทางการเมือง ในศึกเลือกตั้งท้องถิ่น ผู้ว่ากทม./ ส.ก.  นี่เป็นการเลือกตั้งในท้องถิ่น แต่ก็มีการเมืองในภาพรวม การเมืองในภาพใหญ่ เข้ามาสอดแทรกอยู่เป็นระยะๆ  แน่นอนบางคนก็หวังที่จะให้ผลของการเมืองใหญ่ ได้ส่งผลถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นในคราวนี้  โดยเฉพาะพวกที่สังกัดพรรค ที่เห็นเป็นเรื่องเป็นราวกันมาก คือระบอบทักษิณ นำโดย นายทักษิณ ชินวัตร  พักนี้ออกมาถี่ พูดวิพากษ์ วิจารณ์การเมือง มาตั้งข้อสังเกต มาเสนอเรื่องนั้นเรื่องนี้ มาตำหนิคนนั้นคนนี้ แต่คนทั่วไป ก็วิพากษ์วิจารณ์ กันตรงๆว่า ทั้งหมดที่นายทักษิณกำลังทำอยู่ในขณะนี้ คือ เรื่องที่พยายามจะส่งคุณอุ๊งอิ๊ง (แพทองธาร) เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนต่อไป  เพื่อที่จะสืบทอดอำนาจ อิทธิพล ในทางการเมืองของระบอบทักษิณ เรื่องนี้ ที่ทำให้คนมีความวิตกกังวลกันค่อนข้างมาก มีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้แสดงความวิตกกังวลมา แล้วตั้งเป็นคำถามว่า ถ้าระบอบทักษิณ กลับมามีอำนาจในประเทศไทยบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร  ตนก็ได้แต่ปลอบใจไปว่า  ไม่เห็นว่าจะต้องวิตกกังวลใจเลยทุกอย่างขึ้นอยู่ประชาชนถ้าประชาชนไม่ลงคะแนนเสียงเลือก  ระบอบทักษิณก็กลับมาไม่ได้ทั้งตั้งความฝันไว้ลมๆแล้งๆว่า จะเอานายทักษิณกลับมาอย่างเท่ห์ๆอย่างยิ่งใหญ่มีอิทธิพลเหนือประเทศไทย โดยไม่ต้องรับโทษจากคดีต่างๆ  มันก็เกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ชนะการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนอย่างกังวลใจ

นายสุเทพกล่าวต่อว่า  สำคัญที่ว่า เราประชาชนทุกคนต้องตระหนักในภาระหน้าที่ว่าเราต้องติดตามสถานการณ์ และเมื่อถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เราต้องออกไปใช้สิทธิลงคะแนนด้วยวิจารณญาณด้วยอย่างอิสระเหมือนชาวกทม.ในขณะนี้ หลายคนอาจจะตัดสินใจไปแล้วหรือหลายคนอาจจะติดตามสถานการณ์อยู่ การเลือกตั้งที่ผ่านมาในกทม.หลายครั้งที่ผ่านมาจนวันสุดท้าย การตัดสินใจของประชาชนชาวกทม. จึงจะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นใครจะคาดการณ์ล่วงหน้าหรือวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรตอนนี้ก็เป็นช่วงของการศึกษาติดตามเพื่อการตัดสินใจ  เชื่อว่าการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.และส.ก.คราวนี้น่าจะส่งผลถึงการเมืองใหญ่อยู่พอสมควรเพราะจะเป็นบททดสอบบทแรกว่าๆว่าขณะนี้พี่น้องชาวกทม.มีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไร

แสดงความเห็น