ทนายนกเขา -รสนา ยื่นหนังสือ สมศักดิ์ ขอเร่งแก้ไข พ.ร.บ.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์

ทนายนกเขา -รสนา ยื่นหนังสือถึง สมศักดิ์ ขอเร่งแก้ไข พ.ร.บ.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ ชี้ มีตำรวจร่วมเป็นคณะกรรมการทำให้ขาดอิสระในการทำหน้าที่ และหากนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบแล้ว ควรให้อำนาจในการนำเข้าสำนวนคดี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ด้าน รมว.ยุติธรรม เผย เร่งดำเนินการให้ทันในรัฐบาลนี้

ที่กระทรวงยุติธรรม นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) พร้อมด้วยนางสาวรวนา โตรสิตระกูล ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางเข้ายื่น หนังสือถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้เร่งรัดแก้ไขพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์  สืบเนื่องจากคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา เพราะมองว่า กฎหมายดังกล่าวยังขัดรัฐธรรมนูญ และเป็นอุปสรรค สร้างภาระให้กับประชาชน เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

โดยนายนิติธร บอกว่า วันนี้ยื่นหนังสือเพื่อให้แก้ไข กฎหมาย พ.ร.บ.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ หลังพบว่า รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีหน่วยงานด้านนิติวิทยาศาสตร์อย่างน้อย 2 หน่วยงานให้เป็นอิสระต่อกัน แต่ปี2559 โดยให้มีการตั้งคณะกรรรมการฯขึ้นมา ซึ่งในคณะกรรมการ มี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ผู้การพิสูจน์หลักฐานร่วมเป็นคณะกรรมการ ซึ่งทั้ง2ท่านเป็นตำรวจอยู่แล้ว ทำให้เห็นว่า โครงสร้างนี้ไม่เป็นอิสระอย่างแท้จริง และการร้องเรียนเรื่องต่างๆเข้ามาต้องผ่านความเห็นของคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการจะทำตามที่ผู้ร้องร้องเข้ามาหรือไม่ก็ได้ ซึ่งคณะกรรมการอาจจะรับหรือไม่รับเรื่องก็ได้ และกฎหมายเดิมเปิดกว้างไม่ได้กำหนดไว้ ทำให้เป็นภาระของประชาชน

รวมถึงในมาตรา5 ถ้าร้องขอเข้ามา แล้วให้นิติวิทยาศาสตร์ทำงาน แต่ผลของการทำงานของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เมื่อผลเป็นอย่างไรจะต้องนำเข้าสำนวนคดี ซึ่งถ้าไม่นำเข้าสำนวนก็จะถือว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แต่กรณีของ แตงโม แม้มีการตั้งคณะกรรมการโดยเร็ว แล้วดำเนินการตามที่ญาติร้องขอ แต่ปัญหาพบว่า กฎหมายไม่ได้กำหนดให้นำเข้าสำนวนคดี นั่นหมายความว่า พนักงานสอบสวนจะเอาสำนวนที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าสำนวนหรือไม่เข้าก็ได้จึงไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของคนที่มาร้อง จึงมายื่นหนังสือไว้เพื่อขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาและตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูประบวนการยุติธรรมด้วย

ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อมั่นในตัวของรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมาได้ติดตามผลงานมาตลอด และเชื่อว่าจะเริ่มต้นเรื่องนี้ได้ ส่วนจะเสร็จเมื่อไรก็ค่อยว่ากัน

ขณะที่นายสมศักดิ์ ลงมารับหนังสือด้วยตนเอง พร้อมระบุว่า เบื้องต้นเวลารัฐบาลเหลืออยู่ 1 ปีเท่านั้น ซึ่งการแก้กฎหมายแต่ละฉบับต้องเร็วมาก แต่หากไม่ทันไม่เสร็จก็ขอให้เป็นแนวทางหรือบรรทัดฐานของคนรุ่นหลังที่ให้เห็นถึงความสำคัญของระบบงานและการตรวจสอบเพื่อให้เห็นถึงความยุติธรรม โดยข้อเรียกร้องใน 3 ประเด็นหลักของกลุ่ม มองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่สาระของการเขียนกฎหมายในอดีตสู้ปัจจุบันไม่ได้ และปัจจุบันสู้อนาคตไม่ได้เพราะต้องพัฒนาไปตามกลไก ซึ่งการนำเสนอเรื่องใหม่ๆย่อมเกิดประโยชน์แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนต้องให้คณะกรรมการมาดู ซึ่งตนเองได้ทำความเข้าใจกับทุกคนและจะติดตามเรื่องนี้ และถึงแม้ว่าจะมีเวลาเพียง 1 ปี ก็ยืนยันว่า จะดำเนินการให้ โดยหลังจากนี้เมื่อรับหนังสือแล้วจะตั้งคณะทำงานกลั่นกรองขึ้นมาดำเนินการ

แสดงความเห็น