ชิงผู้ว่าฯกทม. ตัดคะแนนกันเองรัวๆ ศึก2 เจ๊ “หน่อย-แจ๋น” ใครดีใครอยู่

สัปดาห์หน้านี้ ถือว่าเข้าสู่ช่วงโม่แข้งเต็มตัวสำหรับศึกเลือกตั้งสนาม “กรุงเทพมหานคร” ทั้งศึกชิงเก้าอี้ ผู้ว่าฯเมืองหลวง กทม.และการช่วงชิงแชร์เก้าอี้ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก) เพราะจะเริ่มมีการเปิดรับสมัครผู้ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. และส.ก.อย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม จนถึง 4 เมษายน

ที่พอแต่ละคนได้เบอร์หาเสียงและเปิดหน้าเปิดตัว กันออกมาหมด คราวนี้ ศึกชิงอำนาจกทม. ที่ร้างลากันมาหลายปี ก็จะระเบิดศึกหาเสียงกันสนั่นเมือง

ซึ่งถึงตอนนี้คนที่ยังกั๊กๆ มาตลอดก็เริ่มชัดแล้วว่าจะลงหรือไม่ โดยเฉพาะ “บิ๊กวิน-พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ที่ส่งสัญญาณแล้วว่า จะลาออกหลังจากมีการประกาศกำหนดวันเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้งออกมา ที่ตามกฎหมาย หากผู้ว่าฯกทม.จะลงสมัคร ต้องลาออกภายในไม่เกินสามวันหลังมีการประกาศ

ดังนั้นคาดว่า ภายในไม่เกินต้นสัปดาห์หน้า บิ๊กวิน จะทิ้งเก้าอี้ ผู้ว่าฯกทม.ที่อยู่มาหลายปี เพื่อไปลงสมัครผู้ว่าฯกทม.หลังจากซุ่มจัดตั้ง “กลุ่มรักษ์กรุงเทพ” ที่เป็นทีมผู้สมัครส.ก.ทำพื้นที่หาเสียงมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

ขณะที่ “ไทยสร้างไทย” ของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่หลังจากโยนชื่อของ บุ๋ม ปนัดดา วงษ์ผู้ดี นักแสดง-พิธีกร-อดีตนางสาวไทย ออกมาว่าจะเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของไทยสร้างไทยตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเพื่อเช็กกระแส รวมถึงมีข่าวว่ายังมีผู้หญิงอีกคน ที่เป็นเซเลบทางสังคมเช่นกัน ก็เป็นคนที่หญิงหน่อยไปทาบทามไว้

มีข่าวว่า การพูดคุยระหว่าง ไทยสร้างไทย กับสองหญิงเซเลบ ติดๆขัดๆ แต่ละฝ่าย มีเงื่อนไขหลายประการ โดยเฉพาะฝ่ายเซเลบ ขอความมั่นใจว่า หากลงแล้วมีโอกาสชนะมากน้อยแค่ไหน และพรรคพร้อมจะสนับสนุนการหาเสียงอย่างไร เลยทำให้ไทยสร้างไทย มึนไปหลายตลบ เพราะประกาศกับสังคมไปหลายรอบ ว่าพรรคส่งคนลงผู้ว่าฯกทม.แน่ ดังนั้น หากไม่ส่ง หรือส่งแล้วชื่อประกาศออกมาไม่ปัง อาจทำให้ เจ๊หน่อยเสียรังวัดได้

เลยมีข่าวว่า แกนนำไทยสร้างไทย  ต้องประชุมแกนนำพรรคและทีมลงเลือกตั้ง ส.ก. ของพรรคที่บ้านลาดปลาเค้า 60 หลายรอบว่าจะเอายังไง จนมีข่าวบางกระแสว่า มีการเสนอชื่อให้พรรคส่งผู้สมัครที่เป็นผู้ชาย คนหนึ่งที่ทำงานช่วยพรรคไทยสร้างไทย มานาน แต่ทำงานแบบไม่เปิดตัว แต่ข่าวว่า เจ๊หน่อยกับคีย์แมนพรรค ยังไม่ค่อยโอเคกับชื่อคนดังกล่าว

เลยทำให้ ต้องดูจนถึงช่วงปลายสัปดาห์นี้ว่า สุดท้าย เจ๊หน่อย จะหาคนลงผู้ว่าฯกทม.ได้หรือไม่

ซึ่งหากได้ชื่อที่ส่งไปไม่มีกระแสตอบรับ มีโอกาสได้คะแนนอันดับท้ายๆ ก็ไม่แน่  เจ๊หน่อย อาจขอบาย แล้วส่งเฉพาะทีมส.ก. ให้ครบ 50 เขต ไปก่อน แม้คนในพรรคและทีมผู้สมัครส.ก.ต้องการให้พรรคยังไง ก็ต้องส่งคนลงสมัครให้ได้ก็ตาม เพื่อให้การหาเสียงของทีมส.ก.ง่ายขึ้นด้วย อีกทั้งเพื่อทำให้คนกทม.ที่จะเป็นฐานเสียงหลักของไทยสร้างไทย ได้จดจำแบนด์พรรคนี้ได้

แต่ถึงตอนนี้ การที่ พรรคไทยสร้างไทย เปิดตัวหรือตัดสินใจประกาศชื่อคนลงผู้ว่าฯกทม.ล่าช้า มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ไทยสร้างไทย ไม่พร้อม สำหรับศึกนี้เต็มร้อย

เพราะขณะที่ไทยสร้างไทยยังมึนๆว่าจะส่งหรือไม่ส่ง แล้วจะส่งใคร ก็จะพบว่า ผู้สมัครทั้งในนามพรรคและอิสระ ต่างหาเสียงกันไปไกลแล้ว

อย่าง “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของประชาธิปัตย์” พบว่าแกนนำพรรคปชป.พยายามพลิกเกม หลังคะแนนดร.เอ้ ยังตามไล่หลัง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อยู่หลายช่วงตัว อย่างกลยุทธ์หนึ่งที่จะนำมาใช้ก็คือ การขอให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ อดีตหัวหน้าพรรคปชป. ที่พรรคเชื่อว่ายังมีกระแสดีอยู่ในกทม.มาช่วย ดร.เอ้หาเสียงผู้ว่าฯกทม.และส.ก.ให้พรรคด้วย

ขณะที่ “สกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯกทม.” ที่ลงสมัครอิสระ ก็ลุยหาเสียงอย่างหนัก โดยชูจุดขายเรื่อง ความมีประสบการณ์ในการเป็นรองผู้ว่าฯกทม. มาหลายปี และเป็นคนวัยกลางๆ เพื่อหาเสียงกับคนรุ่นใหม่ ที่จะได้ออกเสียงเลือกผู้ว่าฯกทม.ครั้งแรก

ข่าวว่า ทีมงานที่มาช่วยสนับสนุนวางแผนการหาเสียงของ สกลธี เป็นทีมงานที่เคยเตรียมตั้งพรรค “ไทยสร้างสรรค์” เพื่อรองรับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้น โดยมีอดีตแกนนำพลังประชารัฐสาย กปปส. คอยวางแผนคือ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ซึ่งทั้งสองคน ที่มีความสนิทสนมแนบแน่นกับ สกลธีมาตั้งแต่อยู่ประชาธิปัตย์-กปปส.จนถึงพลังประชารัฐ ก็จะมาช่วยวางแผนหาเสียงให้ สกลธีด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะเป็นการเมืองท้องถิ่น แต่ยังไงเสีย การลงคะแนนของคนกทม. ก็ยังมีเรื่องของ “การเมืองระดับชาติ” เข้ามาเกี่ยวข้อง

เพราะยังไง คนที่อยู่ฝ่าย “สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ ไม่ชอบ เพื่อไทย ไม่ชอบม็อบสามนิ้ว” ก็ไม่มีวัน จะสวิงไปลงคะแนนเสียง เลือก ชัชชาติ หรือ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.จากพรรคก้าวไกล แน่นอน

เพียงแต่หากจะเลือกจริง ก็อาจเลือก ชัชชาติ มากกว่า โดยมองว่า มีความตั้งใจจริง ในการลงผู้ว่าฯกทม.เพราะทำพื้นที่มาสองปีกว่าแล้ว และสเป็กน่าจะเหมาะ แต่กลุ่มดังกล่าว ยังไง ก็คงไม่สวิงไปเลือกชัชชาติ มาก แต่ก็น่าจะมีอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ หลัก ๆก็คงจะเลือก ดร.เอ้ หรือพล.ต.อ.อัศวิน หรือไม่ก็ สกลธี

ขณะที่ฝ่ายที่ไม่ชอบรัฐบาลประยุทธ์ ไม่ชอบการบริหารงานของกทม.ในช่วงที่ผ่านมา และเป็นฝ่ายที่สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทยและก้าวไกล ก็คงไม่ไปเลือก พล.ต.อ.อัศวิน -ดร.เอ้ -สกลธี หรือรสนา โตสิตระกูลแน่นอน คนกลุ่มนี้้ ก็จะเลือก ชัชชาติ หรือไม่ก็ วิโรจน์ หรือ คนของไทยสร้างไทยหากเจ๊หน่อยหาคนได้

ประเมินแล้ว เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.รอบนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะมีการ “ตัดคะแนน” กันเองของกลุ่มผู้สมัครในฐานเสียงนั้นๆ 

ทำให้ คาดการณ์ได้ว่า คนที่จะได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม.รอบนี้ คะแนนจะไม่ถึงหลักล้าน แบบ ตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ปี 2556 ที่ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากประชาธิปัตย์ได้ไปถึง 1,256,349 คะแนน ส่วน พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญจากเพื่อไทยได้ 1,077,899 คะแนน

เพราะตอนนั้น ที่การเมืองแบ่งเป็นสองขั้วรุนแรง และมีตัวเลือกที่ชัดเจนของสองขั้วคือ สุขุมพันธุ์กับพล.ต.อ.พงศพัศ แต่รอบนี้ มีตัวเลือกของแต่ละฝ่าย หลากหลายและมีหลายคน  ในแต่ละขั้ว โดยเฉพาะขั้ว พล.ต.อ.อัศวิน-สกลธี-ดร.เอ้-รสนา  ดังนั้นจึงทำให้ การตัดคะแนนกันเองดังกล่าว จะทำให้คนที่ชนะเลือกตั้งไม่ว่าจะมาจากขั้วไหน  จะไม่ได้คะแนนถึงหลักล้าน แบบปี 2556 ค่อนข้างแน่

โดยตัวแปรสำคัญที่จะตัดสินว่าใครจะแพ้หรือชนะในศึกนี้ ดูแล้วก็คงเป็น “พลังเงียบ” ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครนั่นเอง ซึ่งกลุ่มนี้ จะพบว่ามีอยู่จำนวนไม่น้อยในการทำโพล์ของทุกสำนัก ที่คาดกันว่า มีอยู่หลักหลายแสน ในกทม. และกลุ่มนี้จะตัดสินใจตอนช่วงสัปดาห์สุดท้าย ว่าจะเลือกใคร ซึ่งหากกลุ่มพลังเงียบ ตัดสินใจแล้ว ก็จะมีผลชี้ขาดว่า ใครจะคว้าเก้าอี้ ผู้ว่าฯกทม.ไปครอง

และนอกเหนือจาก ศึกชิงผู้ว่าฯกทม.แล้ว การชิงเก้าอี้ ส.ก. 50 เขต รวม 50 เก้าอี้ ก็น่าสนใจเช่นกัน

เพราะอย่าง พลังประชารัฐ และเพื่อไทย แม้จะไม่ส่งคนลงผู้ว่าฯกทม.อย่างเป็นทางการ แต่ก็ส่งคนลงส.ก.ครบหมด รวมถึงอีกหลายพรรคเช่น ก้าวไกล -ประชาธิปัตย์-ไทยสร้างไทย และพรรคกล้า ก็ส่งเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มอิสระต่างๆ อีกเช่น “กลุ่มรักษ์กรุงเทพ” ของพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จึงทำให้สนามเลือกตั้งส.ก. แข่งกันสนุกเช่นกัน

แต่ที่น่าจับตาก็คือ การประชันกันระหว่าง “สองเจ๊” คือเจ๊หน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตเจ้าแม่กทม.เพื่อไทยที่ตอนนี้มาตั้งพรรคไทยสร้างไทยร่วมปีกว่า และจะประเดิมทำศึกเลือกตั้งครั้งแรกในรอบนี้ ที่ประกาศส่งคนลงส.ก.ครบหมด ที่จะต้องสู้กับ “เจ๊แจ๋น นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด แกนนำเพื่อไทยสายตรง ทักษิณ ชินวัตร” ที่ทักษิณและแกนนำเพื่อไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ถูกกับ เจ๊หน่อยเช่น พิชัย นริพทะพันธุ์ พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล กำลังปั้นให้ เจ๊แจ๋น เป็น เจ้าแม่กทม.เพื่อไทยแทนเจ๊หน่อย โดยจะปั้นให้เป็น มาดามนครบาล เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า เพื่อไทย ไม่มีเจ๊หน่อย ก็สามารถยึดฐานเสียงกทม.ได้

แล้วแบบนี้ “เจ๊หน่อย-สุดารัตน์” ที่ก็ไม่กินเส้นกับเจ๊แจ๋น เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีหรือจะยอม มันก็รบกันสุดตัว!

เพราะสุดารัตน์ ก็ต้องการพิสูจน์ ให้ทักษิณ และคนในเพื่อไทย ได้เห็นว่า ฉายา เจ้าแม่กทม. ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ และเพื่อไทย จะต้องจดจำไว้ว่า ยามไม่มี หน่อย เพื่อไทย กทม. แย่ขนาดไหน เรียกได้ว่า ยังไง ถึงไทยสร้างไทย ไม่ได้ส.ก.มาอันดับหนึ่ง แต่ก็ต้องไม่น้อยกว่า เพื่อไทย หรือหากได้มากกว่า เพื่อไทย ซึ่งถ้า ไทยสร้างไทย ทำได้

แบบนี้ เจ๊หน่อย ก็หัวเราะ จนฟันแทบหัก

เพราะเท่ากับ ได้หักหน้าทั้ง ทักษิณ และพวกคู่ปรับในเพื่อไทย ทั้งพิชัย-พงษ์ศักดิ์-เจ๊แจ๋น

สนามเลือกตั้งส.ก.นอกจากทุกพรรคทุกกลุ่มแข่งกันเดือดแล้ว ยังเป็น “ศึก 2 เจ๊” ที่รับประกันความมันส์

แสดงความเห็น