DST.Special Report : สัปดาห์นี้ ทั้ง ‘ปราสาทสายฟ้า’ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้ง ‘เดอะ แรบบิท’ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะไม่มีคิวลงเตะไทยลีก
โดย ‘ปราสาทสายฟ้า’ มีคิวไปเป็นตัวแทนประเทศไทย ลากกระเป๋า นั่งเครื่อง บินไปฟาดฟันกับยอดทีมจากเคลีก ‘แดกู เอฟซี’ ในรอบเพลย์ออฟ รอบ3 ในวันที่ 15 มีนาคม
ขณะที่ ‘เดอะ แรบบิท’ ผ่านเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มแล้ว เลยไม่ต้องเหินฟ้าไปไหน แต่อยู่ในประเทศดวลกับ ‘กว่างโซ้งมหาภัย’ เชียงราย ยูไนเต็ด ในศึกลีกคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ในวันที่ 13 มีนาคม
หลังเสร็จภารกิจบอลถ้วยแล้ว ทั้งคู่มีคิว เปิดอภิมหาบิ๊กแมตซ์ในวันที่ 20 มีนาคม ที่ในทางทฤษฎีถือว่า สามารถตัดสินแชมป์ไทยลีกได้เลย ไม่ต้องรอครบ 30 นัด
สำหรับนัดแห่งฤดูกาลนี้ จะสู้ที่อีสานใต้บ้านของบุรีรัมย์ โดยตารางคะแนนแบบเรียลไทม์ หลังแข่งไป 25 นัด ‘ปราสาทสายฟ้า’ 57 แต้ม ส่วนทีมเยือนมี 45 แต้ม
มีช่องว่างระหว่างกันถึง 12 คะแนน หากทีมเซาะกราวเอาชนะได้ พวกเขาจะคว้าแชมป์ทันที เพราะมีคะแนนมากกว่าไฮโซคลองสามถึง 15 แต้ม ในขณะที่เหลือเกมอีก 4 เกมเท่านั้น
แล้วจะได้เฉลิมฉลองแชมป์กันในบ้านตัวเอง หลังจากเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน มีดราม่าเล็กๆ จากกรณีที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกตัวแรงว่า จะไม่รับถ้วยที่เชียงใหม่ แต่จะกลับมาชูที่บ้านตัวเอง แต่ปรากฏว่า พวกเขาทำได้แค่เสมอกับเชียงใหม่ เอฟซี ในขณะที่เชียงราย ยูไนเต็ด ที่เบียดแชมป์กันอยู่ สามารถเอาชนะสุพรรณบุรี ปาดหน้าคว้าถ้วยไปครองกันแบบสุดเร้าใจ
แต่หากแชมป์ 6 สมัย ไม่สามารถปิดบัญชีคู่แข่งได้ในนัดนี้ อีก 4 เกมที่เหลือของพวกเขาก็ไม่ใช่งานที่เหนือบ่ากว่าแรงที่จะทำแต้มหลุดมือแบบกระจุยกระจาย จนตกม้าตายก่อนเข้าเส้นชัย โดยโปรแกรมไทยลีกที่เหลือ จะบุกไปเยือนขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่ไม่ถึงขั้นกับต้องหนีตายแบบกระเสือกกระสน
เปิดบ้านเจอกับเชียงราย ยูไนเต็ด ที่เล่นแบบประคองๆ ไม่ให้แพ้เป็นพอ จากนั้นบุกไปเยือนหนองบัว พิชญ เอฟซี ที่ดูเหมือน‘พญาไก่ชน’ จะเป็นแพ้ทางสไตล์การเล่นแชมป์เซาะกราวเวอร์ชั่นนี้ ก่อนจะปิดฤดูกาลนัดสุดท้ายด้วยการเยือนเมืองขุนแผน เตะกับสุพรรณบุรี เอฟซี ในวันที่ 21 พฤษภาคม
แค่เล่นแบบประคองก็น่าจะคว้าแชมป์สมัยที่ 7 ได้แล้ว
แต่ใจแฟนบอลบุรีรัมย์คงอยากให้จบตั้งแต่นัดนี้เลย เพราะเป็นแมตซ์ใหญ่เจอกับคู่กรณีโดยตรง
เพียงแต่อาจจะสวนทางกับแฟนบอลทีมอื่นๆ ที่อยากให้มันยืดเยื้อไปจนนัดสุดท้ายเพื่อเพิ่มความระทึก ได้แชมป์เร็วเดี๋ยวจะจืดเร็วประมาณนั้น
แต่อย่างไรก็ดี สำหรับเกมนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ เราจะได้ชมเกมคุณภาพอีกเกม ไม่ว่าจะเป็นระดับฝีเท้าของผู้เล่นที่คู่คี่สูสีกัน รวมไปถึง ‘กึ๋น’ ของผู้เป็นกุนซือ
‘มาซาทาดะ อิชิอิ’ กับ ‘มาโกโตะ เทกุระโมริ’ 2 กุนซือเลือดซามูไร คือ จอมแท็กติกทั้งคู่
‘อิชิอิ’ เข้ามาเปลี่ยนบุรีรัมย์ให้กลายเป็นบอลเพรสซิ่งที่ดุดัน ยากจะต่อกร ขณะที่ ‘มาโกโตะ’ เข้ามากอบกู้บีจี ที่กำลังแกว่งไปพักใหญ่ให้กลับเข้าที่เข้าทาง
ทรงบอลของทั้งคู่ดูสนุกเร้าใจ มันจึงเป็นเกมที่ครบทุกอรรถรสด้วยประการทั้งปวง.
____________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ BG Pathum United, เพจ Buriram United
แสดงความเห็น
