ศักดิ์สยาม ชี้ พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่ตัวแปรสำคัญในการรักษาเสถียรภาพรัฐบาล แต่พรรคร่วมรัฐบาลมีเป้าหมายเดียวกันคือรักษาเสถียรภาพรัฐบาลไว้ เพื่อสานต่อนโยบาย บอก รัฐบาลควรจะอยู่ครบเทอม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่กาากระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าช่วงนี้พรรคภูมิใจไทยกำลังเนื้อหอม แต่มองว่า การย้ายพรรคของ ส.ส.เป็นวิถีทางการเมือง โดยพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานให้ประชาชนพูดแล้วทำ ดังนั้นบุคลาการทางการเมืองไม่ใช่แค่ ส.ส.เท่านั้น เมื่อรับฟังแนวทางของพรรคแล้วว่าจะแก้ปัญหาให้ประชาชนและประเทศชาติได้ ทางพรรค ก็เปิดกว้าง รับเข้ามา หากไม่มีข้อจำกัดด้านคุณสมบัติของกฎหมาย โดยจุดเด่นของคนที่จะมาร่วมงานกับพรรคคือพูดแล้วทำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า มีวัคซีนเต็มแขน อัดฉีด 20 ล้านโดสให้กับ ส.ส. นายศักดิ์สยาม ก็หัวเราะทันที และระบุว่า พร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย อย่างญัตติในการเปิดอภิปรายวันนี้เป็นเรื่องที่ดี เพื่อรับฟังแต่ละฝ่ายว่ามีข้อมูลอย่างไร โดยฝ่ายรัฐบาล และตนเองก็พร้อมที่จะรับฟัง หากเป็นเรื่องที่ไม่ได้ศึกษาไว้ ก็พร้อมนำไปปฏิบัติ ไม่มีประเด็นใดๆ พร้อมเชื่อว่า ไม่มีกรณีที่พรรคภูมิใจไทยจะดูด ส.ส.พรรคเพื่อไทย แต่มองว่า เป็นวิถีทางการเมือง เพราะหากดูวิวัฒนาการแต่ละพรรคก็จะเป็นเช่นนี้
นายศักดิ์สยาม ยอมรับว่า เคยพูดตั้งแต่การเข้าสู่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แล้วว่า ตั้งเป้าเป็นพรรคขนาดใหญ่ และเป้าหมายของพรรคการเมืองทุกพรรคต้องการเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาล คิดว่าเรื่องนี้สำคัญ เพราะหากมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพทำงานได้อย่างต่อเนื่อง นโยบายที่ประกาศกับประชาชนมาสู่การปฏิบัติและเป็นรูปธรรมได้จะเป็นเรื่องที่ดี พร้อมระบุว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่ตัวแปรสำคัญในการรักษาเสถียรภาพรัฐบาล แต่มองว่าทุกพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลก็มีเป้าหมายเดียวกันในการรักษาเสถียรภาพรัฐบาล ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้สำคัญ เพราะหากมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและทำงานอย่างต่อเนื่อง การนำนโยบายที่ประกาศกับประชาชนนำไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริงจะสามารถทำได้อย่างเป็นรูปธรรม และรัฐบาลก็ควรที่จะอยู่ครบเทอม
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ยังไม่ทราบว่าร่างสัญญาการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ภายในสัปดาห์หน้าหรือไม่ เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือของกระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงคมนาคม โดยต้องหารือในรายละเอียดที่กระทรวงคมนาคมได้ตั้งข้อสงสัยไป ดังนั้น ขอรอดูว่า จะตอบข้อสงสัยได้หรือไม่ โดยฝ่ายปฏิบัติงานจะนัดหารือกัน ย้ำว่า ทางกระทรวงคมนาคมมีคำถามที่สอบถามไปอยู่แล้ว โดยเฉพาะการปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายและตามหลักธรรมาภิบาล ส่วนการนำเข้าวาระการประชุม จะเป็นวาระหลัก หรือวาระจร ขึ้นอยู่กับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณา พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับระเบียบกฎหมาย และกระทบต่อประชาชนในระยะยาว การจะชี้ว่าเรื่องนี้ถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือไม่ ต้องดูที่การเริ่มต้นถึงเหตุการขยายสัมปทาน ได้ดำเนินการถูกต้องใช่หรือไม่ การตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมถึงเร่งรีบ ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ส่วนตัวย้ำมาตลอดว่าการก่อหนี้ มีการดำเนินการตามระเบียบกฎหมายใช่หรือไม่ เพราะหากดำเนินการตามระเบียบแล้ว ใช้ระเบียบตัวไหน ซึ่งทุกอย่างต้องยึดหลักธรรมาภิบาล มีส่วนร่วม ตรวจสอบได้
ทั้งนี้ หากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติในครั้งนี้ มีการพาดพิงถึงประเด็นนี้ ทางกระทรวงมหาดไทยจะมีข้อมูลในการชี้แจง ส่วนตัวก็มีข้อมูลตามความเห็นและตามเอกสารที่มี
แสดงความเห็น
