“บิ๊กตู่” ส่งซิกถกรถไฟฟ้าสายสีเขียวครั้งหน้า เคาะได้แล้ว มั่นใจฝ่ายกฎหมาย ทำถูกต้องทุกขั้นตอน

“บิ๊กตู่” ส่งซิกถกรถไฟฟ้าสายสีเขียวครั้งหน้า เคาะได้แล้ว มั่นใจฝ่ายกฎหมาย-อสส.-กฤษฎีกา ทำถูกต้องทุกขั้นตอน ขอบคุณครม. “วันนี้พิสูจน์แล้วใครเป็นอย่างไร” 

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เต็มคณะครั้งแรกของปี 65 หลังจากที่ผ่านมาประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ตามมาตรการเว้นระยะห่างในช่วงการแพร่ระบาดของโอมิครอน ประเด็นที่ถูกจับตามากที่สุดคือ วาระขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งมีการเลื่อนวาระดังกล่าวมาเป็นวาระสุดท้าย และใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง โดยมีการแสดงความคิดเห็นกันในเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง เริ่มจากเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รายงานต่อที่ประชุมว่า อัยการสูงสุด (อสส.) ได้พิจารณาร่างสัญญาเป็นไปตามกฎหมายครบถ้วนแล้ว และเห็นว่า หาก กทม.ยืนยันยึดผลประโยชน์ของประชาชนก็ไม่เป็นไร ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้อธิบายว่า การพิจารณาในวันนี้ไม่ใช่การต่อสัมปทาน แต่เป็นการแก้ไขสัญญา เพื่อแก้ไขหนี้สินที่เกิดขึ้นให้ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นกทม. หรือรัฐบาลฝ่ายเดียวก็ไม่สามารถแก้ไขไม่ได้ เอกชนต้องมาช่วย ประชาชนจะได้ประโยชน์ เราจะได้แก้ปัญหาหนี้ 5 หมื่นล้านบาท และการจะให้เอกชนลดค่าโดยสารให้ต่ำกว่า 65 บาทตลอดสายไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว หากอยากได้ราคาถูก กทม.ต้องลดส่วนแบ่งรายได้เพื่อนำไปชดเชย

นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวกับที่ประชุมว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้วที่มีการเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. แต่เมื่อมีข้อสงสัย และกระทรวงคมนาคมได้ทำหนังสือมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ. โดยมีคำถามที่ต้องการให้ตอบ 4 ข้อ ส่วนใหญ่เราได้ชี้แจงไปหมดแล้ว เหลือเพียงประเด็นที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายที่ต้องทำให้ชัดเจน ก่อนนำมาเข้า ครม. ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า อย่างไรก็ต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุม ครม. เพราะทุกอย่างมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ถ้าเราไม่ทำอะไร อาจจะผิดมาตรา 157 ถึงอย่างไรต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณา

 อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีส่วนใหญ่เห็นด้วยที่เร่งพิจารณาเรื่องนี้ อย่างนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นว่าเรื่องการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้า ครม.หลายรอบแล้ว หากต้องตอบคำถามเห็นแบบนี้เรื่อยๆ มันก็ไม่จบเสียที เช่นเดียวกับนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่กล่าวว่า เราควรตัดสินใจ เพราะประชาชนเลือกเรามาแล้ว ให้เราเป็นคนตัดสินใจ รัฐบาลควรแสดงความเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขึ้นมาว่า “รอบหน้าเคาะได้แล้ว” ทำให้นายจุติบอกว่า อยากให้พิจารณาให้เสร็จภายในวันนี้เลย

ส่วนนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้เสนอแนะว่า ต้องตอบคำถามกับประชาชนให้เคลียร์ ต้องชี้แจงให้ได้ว่าถ้าผ่าน ผ่านเพราะอะไร หรือไม่ผ่านเพราะอะไร เช่นเดียวกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่ระบุว่ารัฐบาลควรตัดสินใจได้แล้ว  แต่อย่างไรก็ดี มีรัฐมนตรีบางคนแสดงความไม่มั่นใจในข้อกฎหมาย และพยายามถามซ้ำหลายครั้งว่าการเจรจาและร่างสัญญาไม่ขัดต่อหลักกฎหมายใช่หรือไม่ อาทิ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ

นอกจากนี้ ยังมีช่วงหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปรารภถึงราคาค่าโดยสาร 65 บาท ว่า “ก่อนหน้านี้ก็เห็นด้วยกันมาแล้ว แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาเปลี่ยนใจ”

ขณะที่ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับที่ประชุมว่า “วันนี้ผมพิสูจน์แล้วว่าใครเป็นอย่างไร ขอบคุณทุกคนที่อยู่ในห้องนี้” นอกจากนี้ ยังระบุอีกว่า “ปัญหานี้คาราคาซังมานานแล้ว อยากให้มันจบ” พร้อมกับถาม พล.อ.อนุพงษ์ด้วยว่า สามารถนำเรื่องกลับมาพิจารณาใน ครม.สัปดาห์หน้าได้เลยหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ไม่น่าจะทัน เพราะต้องทำหนังสือถามไปหลายหน่วยงาน แม้ว่าทุกคำถามจะตอบไปแล้ว แต่มีข้อที่ต้องถาม ป.ป.ช. ซึ่งไม่น่าจะทัน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงพักเบรกการประชุม ซึ่งเกิดขึ้นก่อนจะพิจารณาวาระนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้คุยเล่นกับรัฐมนตรีที่เข้าประชุมว่า “วันนี้บรรยากาศดูเหงาๆ รัฐมนตรีหายไปเยอะ สงสัยรถไฟฟ้ามาหานะเธอ” ทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหัวเราะชอบใจ ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้บอกกับคนอื่นๆด้วย ว่า “ผมเชื่อมั่นในฝ่ายกฎหมายของผม”

แสดงความเห็น