Home News กีฬา ‘โค้ชเตี้ย’ แ...

‘โค้ชเตี้ย’ และ ‘ฝูงเบบี้ชาร์ค’ ของเขา กำลังเขย่าไทยลีก

DST.Special Report : นอกจาก ‘มาซาดะ อิชิอิ’ กุนซือเลือดซามูไรของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง ณ ปัจจุบันขณะแล้ว เฮดโค้ชที่กำลังฮอตเป็นปรอทแตกคงเป็นไปใครไปไม่ได้ หากไม่ใช่ ‘โค้ชเตี้ย’ สะสม พบประเสริฐ ขงเบ้งของชลบุรี เอฟซี

ผลงานของ ‘โค้ชเตี้ย’ กำลังเป็นที่ระบือไกล ใครๆ ต่างปรบมือสลับกับยกนิ้วโป้งให้ หลังพาอภิมหาลูกหนังเมืองไทยในอดีตกลับมาเกาะบนหัวตาราง ในอันดับ 2 จี้ตูดบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยู่ 6 แต้ม

ใช่ มันอาจเป็นสถานที่ที่ชลบุรีควรอยู่ เมื่อดูจากขนาดของสโมสรและความเกรียงไกรเมื่อปลายปีก่อน แต่กลับส่องทรัพยากรวันนี้กับวันนั้นมันต่างกันพอตัวอยู่

นักเตะไทยของชลบุรี เวอร์ชั่น 2022 โปรยปรายไปด้วยเด็กหนุ่มวัยคะนอง ตั้งแต่ 10 กว่าขวบ ไปถึง 20 หมาดๆ ค่อนครึ่งทีม 

ประการสำคัญ บรรดาเบบี้ชาร์คเหล่านี้ ไม่ได้ถูกเรียกมาให้ครบๆ ทีม แต่ถูกส่งไปซุกซนในสนามสม่ำเสมอ จนเป็นตัวหลักของทีมในฤดูกาลนี้

ไม่ต้องดูที่ไหน ในเกมเปิดหาดบางแสนฉีกร่างสิงห์เจ้าท่า ‘การท่าเรือ เอฟซี’ 3-2 ‘โค้ชเตี้ย’ ใช้ดาวรุ่งอายุไม่เกิน 21 ขวบ ไปถึง 6 คน 

6 คน ที่ได้สัมผัสผืนหญ้าในวันนั้น แบ่งเป็นตัวจริง 5 คน สำรอง 1 คน และทั้ง 6 คน เป็นผู้เล่นเอาต์ฟิลด์ทั้งหมด 

เหนือสิ่งอื่นใด 3 ใน 5 คน เล่นในตำแหน่งกองหลัง ได้แก่ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ (19 ปี) ทรงชัย ทองฉ่ำ (20 ปี) บุคฆอรี เหล็มดี (17 ปี) มีนักเตะรุ่นใหญ่ที่ประคองเด็กๆ คนเดียวคือ ‘เรนาโต เคลิช’

ขณะที่อีก 2 คน เล่นในตำแหน่งกองกลาง 1 คน คือ รชต หมอรักษา (21 ปี) และแนวรุก 1 คนคือ ชิษณุพงษ์ โชติ (19 ปี) ส่วนสำรองที่ได้ลงคือ จักรพงษ์ แสนมะฮุง (19 ปี)

เรียกว่า ในเกมระดับบิ๊กแมตซ์ ‘โค้ชเตี้ย’ ใช้เด็กสู้ถึงค่อนครึ่งทีม

ใจถึงไม่พอ แต่การทำแบบนี้ แสดงว่าต้องมั่นใจในฝีเท้าเบบี้ชาร์คด้วย

การใช้ดาวรุ่งค่อนทีมสู้ อาจไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่อย่าลืมว่า ชลบุรี เอฟซี กำลังอยู่ในสถานะทีมลุ้นแชมป์ และเกมกับท่าเรือ คือ หัวตารางด้วยกัน เป็นบิ๊กแมตซ์ของไทยลีก

ใครจะเชื่อ ในวันที่ ‘โค้ชเตี้ย’ เดินเข้ามารับงานที่ชลบุรี เมื่อกลางปี 62 ผู้เล่นที่ถูกดึงเข้ามา ล้วนแต่เป็นนักเตะวัยเก๋า 30 อัพ ซึ่งนำมาเป็นตัวหลักให้ทีม จนถูกล้อเลียนว่าเป็น ‘ชราชล’ แต่ผ่านมา 2 ปี วันนี้ 2565 ตัวหลักของ ‘โค้ชเตี้ย’ คือ นักเตะวัยกระเตาะ ‘ก๊วนฟันน้ำนม’

จริงๆ ชลบุรีทำบอลทรงนี้ออกมาตลอด คือ พยายามปั้นดาวรุ่งมาใช้งานเอง แล้วเอางบประมาณไปลงทุนกับนักเตะต่างชาติ เพียงแต่ที่ผ่านมา มันไม่เจอโค้ชที่คลิกเสียที

กระทั่งมาเจอ ‘โค้ชเตี้ย’ แต่แรกๆ ก็เหมือนจะล่อแล่เหมือนกัน ดูอย่างปีก่อน กองหน้าต่างชาติของชลบุรียิงรวมกันยังไม่เท่ากับ ‘เดนนิส มูริลโล’ คนเดียว แถมต้องกระเสือกกระสนหนีตกชั้นยันจบฤดูกาลอีกต่างหาก

กระทั่งมาเปล่งปลั่งเอาในฤดูกาลนี้ 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักเตะต่างชาติที่ควักกระเป๋าซื้อมา ไม่ว่าจะเป็น มูริลโล จิดี้ คานยุค และซู พยอง ซู ฝากผีฝากไข้ สร้างความแตกต่างให้ทีมได้ 

ขณะที่เบบี้ชาร์คที่ได้รับโอกาส สนองความไว้วางใจในสนามได้เป็นอย่างดี หากจะบอกว่า เป็นความดีความชอบของ ‘โค้ชเตี้ย’ คงไม่ผิดนัก ในเมื่อยามทีมฟอร์มแย่ คนโดนด่าก็คือ ‘โค้ชเตี้ย’ เช่นกัน

รับผิด หรือ รับชอบ ก็ควรจะเป็นเขาคนนี้ 

นี่ขนาดเสีย ‘เจ้ายิม’ วรชิต กนิตศรีบําเพ็ญ มิดฟิลด์คนสำคัญไปในช่วงจบเลกแรก ‘โค้ชเตี้ย’ ยังประคองทีมมาได้ขนาดนี้ ไม่ชมไหวหรอ

แน่นอน ฟุตบอลมันต้องดูระยะยาวๆ พวกเขาอาจแผ่วปลายก็ได้ แต่มาถึงตรงนี้ ถีบตัวเองจนมายืนโด่บนหัวตาราง ทั้งที่ขุมกำลังหลักคือ เยาวชน

นาทีนี้ต้องให้เขาล่ะ.

_________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : Chonburi Football Club

Exit mobile version