“อนุทิน” ย้ำมาตรการ ศบค.ไม่ใช่การปิดประเทศ แค่ชะลอ นทท.ชั่วคราว ขอประชาชนอย่ากังวล

“อนุทิน” ย้ำมาตรการ ศบค.ไม่ใช่การปิดประเทศ  ชี้แค่ชะลอนักท่องเที่ยวชั่วคราว  ขอประชาชนอย่ากังวล มั่นใจรัฐบาลเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว  ย้ำเคสนักท่องเที่ยวอิสราเอล  หากหลบหนีต้องเนรเทศ แนะปีใหม่ฉลองวงเล็ก เข้มมาตรการสธ.

นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  กล่าวถึงความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศไทย ว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อที่เข้าข่ายโอไมครอน รวมทั้งสิ้น 104 ราย  จำนวนนี้ยืนยัน 27 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามผู้สัมผัสทั้งหมด ทั้งนี้มี 1 ครอบครัวที่เดินทางจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ไปอุดรธานี  ก่อนกลับเข้ามากรุงเทพฯ ภายหลังกลับมาจากต่างประเทศ  ซึ่งช่วงแรกที่ตรวจตอนเข้าประเทศไม่พบเชื้อ แต่เมื่อตรวจซ้ำพบเชื้อ ซึ่งได้ตามตัวแล้ว มั่นใจไม่เป็นกรณีใหญ่เพราะรู้เส้นทาง

นายอนุทิน ระบุว่าทางการแพทย์ ให้ข้อมูลเบื้องต้น ว่า โอไมครอน กับ เดลต้า อาการไม่ได้รุนแรงกว่ากัน แต่ความสามารถในการแพร่กระจายเชื้อเร็วกว่า ซึ่งต้องพิจารณาเพิ่มเติมว่าการแพร่กระจายที่รวดเร็วในฝั่งยุโรป กับฝั่งประเทศไทยจะแตกต่างกันหรือไม่ เนื่องจากไทยมีมาตรการที่เข้มข้นในการดำรงชีวิตประจำวัน เพราะไทยมี DMHTT กว่า 90%  รวมถึงการรับวัคซีนภายในประเทศ มาตรการในการเข้าประเทศของไทยมีความเข้มข้นกว่าต่างประเทศ

นายอนุทิน ระบุว่า ตราบใดที่โอไมครอน ยังไม่มีการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าอาการของโรคจะตอบสนองอย่างรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น เราก็จะใช้มาตรการเฝ้าระวัง เหมือนกับเฝ้าระวังเชื้อโควิดสายพันธุ์ทั่วไป ที่เข้มข้นขณะนี้ โดยไม่ต้องไปกังวลว่าเป็นสายพันธุ์อะไร และที่สำคัญการกระตุ้นวัคซีนเข็ม 3 ก็จะเป็นการป้องกันได้ดี

นายอนุทิน ยืนยันว่ายาที่ใช้ในการรักษาโควิด โรงพยาบาลที่รับรักษาผู้ป่วยมีเพียงพอ ยาเราผลิตเอง อีกทั้งวัคซีนก็มีเพียงพอ ประกอบกับใช้มาตรการ DMHTT จากนี้คงต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้เข้มข้นในการใช้ระบบโควิด ฟรี เซตติ้ง เพราะรัฐบาลไม่ได้มีคำสั่งให้ปิดกิจการ และหากจังหวัดใดจัดการโดยไม่สามารถควบคุมประชาชนตามมาตรการที่รัฐกำหนดได้ ก็ต้องถือว่าบกพร่องและมีความผิดตามกฎหมาย รวมถึงผู้ที่อนุญาตให้จัดก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ซึ่งประชาชนก็ต้องให้ความร่วมมือ หากทำได้แบบนี้โอกาสในการลดความเสี่ยงก็จะเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง

นายอนุทิน  ระบุว่าประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง โดยใช้ระบบโฮม ไอโซเลชั่น หรือ คอมมูนิตี้ ไอโซเลชั่นเป็นสิ่งที่ได้ผล  ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข กำลังเดินหน้าเรื่องนี้ในการรับมือ หากเจ็บป่วยปานกลางหลังจากนี้ก็จะใช้โรงพยาบาลสนาม ฮอสพิเทล ส่วนโรงพยาบาลก็จะไว้รองรับผู้ป่วยหนัก ดังนั้นเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้ ดูแลประชาชนได้เพียงพอ ประกอบส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนเพียงพอ ก็จะลดการเจ็บป่วยที่หนักได้ ขออย่ากังวลจนเกินไป หากเรายังคงใช้มาตรการรักษาระยะห่างอย่างเข้มข้น ก็จะลดอัตราเสี่ยงการติดเชื้อได้มากอยู่แล้ว

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ที่หลบหนีจากสถานกักกันตัว ว่าตำรวจได้ติดตามอยู่แล้ว หากเจอตัวก็ต้องรีบรักษาก่อน จากนั้นจึงดำเนินการทางกฎหมายและเนรเทศออกจากประเทศ ทั้งนี้ขอให้ความมั่นใจกระทรวงสาธารณสุข ได้มีมาตรการควบคุม คัดกรองนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา ซึ่งในส่วนของนักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน Thailand pass กว่า 9 หมื่นคนก่อนการปิดระบบรับชั่วคราว  หากเราไปปรับเปลี่ยนก็จะลำบาก แต่ก็ได้เพิ่มมาตรการที่เข้มข้นกว่าเดิมรวมถึงมีระบบการติดตามตัวด้วย

นายอนุทิน ยังกล่าวย้ำถึงมติศบค.เมื่อวานนี้ ว่าไม่ใช่การปิดประเทศ แต่สื่อไปพาดหัวสร้างความสับสน และเกิดความตื่นตระหนกให้ประชาชน ยืนยันเป็นการเพิ่มมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงเกิดความปลอดภัย จึงฝากสื่อมวลชนให้ฟัง และเขียนข่าวดีๆ ในเชิงสร้างสรรค์

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำการจัดงานในช่วงปีใหม่ ว่าต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยต้องใส่ตลอดเวลา และถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ฉลองกันเป็นวงขนาดเล็ก และที่สำคัญระมัดระวังเรื่องการใช้ภาชนะ อย่ากินแก้วเดียวกัน อย่ากินช้อนเดียว เพราะถือเป็นจุดเสี่ยงที่อันตรายมาก

แสดงความเห็น