รมว.ยุติธรรม สั่ง เยียวยาเหยื่อมือปืนเหี้ยมย้อนจ่อยิงพลเมืองดี ที่อาสาเข้าให้ปากคำเป็นพยาน

รมว. ยุติธรรม สั่ง ยุติธรรมจังหวัดภูเก็ตและกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เยียวยาเหยื่อมือปืนเหี้ยมย้อนจ่อยิงพลเมืองดีที่อาสาเข้าให้ปากคำเป็นพยานในชั้นสอบสวน 

จากกรณี คนร้ายบุกยิงผู้ขับรถจักรยานยนต์พลเมืองดีที่อาสาเข้าให้ปากคำเป็นพยานในคดีที่ผู้ก่อเหตุยิงคู่กรณีเสียชีวิต 2 ศพ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้กระทำผิดอยู่ระหว่างการประกันตัว และมาก่อเหตุซ้ำอีก เหตุเกิดที่จังหวัดภูเก็ต นั้น

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กรณีพลเมืองดีซึ่งอาสาเข้าเป็นพยานให้ปากคำในชั้นสอบสวนคดีที่ผู้ก่อเหตุยิงคู่กรณีเสียชีวิต 2 ศพเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และต่อมาพลเมืองดีดังกล่าวได้ถูกคนร้ายผู้ก่อเหตุ มีความแค้น กลับมายิงจนเสียชีวิตนั้น  ตนมีความห่วงใยครอบครัวผู้เสียชีวิต  จึงได้สั่งการให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ตเร่งช่วยเหลือเยียวยาตามแนวทาง “ยุติธรรมสร้างสุข ยุติธรรมเชิงรุก สร้างสุขให้ประชาชน” เพื่อให้ครอบครัวผู้เสียหายได้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม 

ด้านนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ประสานงานกับนายพยุงศักดิ์ กาฬมิค ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ความช่วยเหลือใน 2 ส่วน  กล่าวคือ ส่วนแรก ในฐานะที่เป็นพลเมืองดี และตกเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา โดยคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ประจำจังหวัดภูเก็ต ได้มีการประชุม ในครั้งที่ 12/2564 วันที่ 14 ธันวาคม 2564 พิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ทายาทของผู้เสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติ ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 ดังนี้  

(1) ค่าตอบแทนกรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย (กระทำตนเป็นพลเมืองดี) จำนวน 100,000 บาท 

(2) ค่าจัดการศพ 20,000 บาท 

(3) ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 160,000 บาท         

สำหรับส่วนที่สอง การที่ผู้เสียชีวิตได้อาสามาเป็นพยานในคดีอาญา จะได้รับการช่วยเหลือ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 กรณีพยานได้รับความเสียหายแก่ชีวิต จะมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ ตนได้มอบหมายให้ สำนักงานคุ้มครองพยาน ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรวบรวมเอกสาร พยานหลักฐาน เพื่อนำเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการพิจารณาการจ่ายค่าตอบแทนความเสียหายแก่พยานในคดีอาญาและผู้ใกล้ชิด โดยมีอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นประธาน มีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และหน่วยอื่นๆร่วมเป็นกรรมการพิจารณาด้วย

กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม หรือผู้เสียหาย หรือพยานในคดีอาญา เพื่ออำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งสามารถติดต่อ ขอรับความช่วยเหลือได้ที่ ส่วนกลาง (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) และส่วนภูมิภาค (สำนักงานยุติธรรม จังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ หรือติดต่อสายด่วนยุติธรรม โทร 1111 กด 77

แสดงความเห็น