ชัดเจนระดับหนึ่งกับไทม์ไลน์ศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลจะปลดล็อกให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ไม่เกินกลางปี 2565 นั่นหมายถึงไม่เกินเดือนมิถุนายนปีหน้า แม้บางพรรคการเมือง-แคนดิเดตผู้ท้าชิงผู้ว่าฯกทม.บางคน จะอยากให้มีการจัดเลือกตั้งเร็วกว่านั้นเพราะบางคนเปิดตัวมาจะสองปีแล้ว อย่างเช่น ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แต่เมื่ออำนาจปลดล็อกดังกล่าวอยู่ในมือรัฐบาล หลายคนก็ต้องรับสภาพ
ยิ่งในทางการเมือง รู้กันว่า การจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ช้าหรือเร็ว ปัจจัยสำคัญเรื่องหนึ่งก็คือ ความพร้อมของ “พลังประชารัฐ” ว่าสุดท้ายจะเอาอย่างไร ตกลงจะดันหรือหนุนใครที่ลงสมัครนามอิสระแต่มีพลังประชารัฐคอยหนุนหลัง สุดท้ายแล้วจะเป็นชื่อไหน กันแน่ ?
เพราะจากที่เดิมเหลือชื่อเดียวคือบิ๊กวิน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ตอนนี้ก็มีกระแสข่าวมีชื่อผู้ว่าฯหมูป่า ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯปทุมธานี ที่เหลืออายุราชการอีกร่วม 4 ปี และมีข่าวว่าเจ้าตัวอยู่ระหว่างการตัดสินใจ สอดแทรกขึ้นมาอีก
เลยทำเอาทีมงานพลังประชารัฐในระดับพื้นที่กทม.ทั้งส.ส.เขต ที่มีด้วยกัน 12 คน -กลุ่มอดีตส.ก.และส.ข.ที่ย้ายมาจากทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ที่มาอยู่กับทีมพลังประชารัฐรวมถึงคนที่จะลงชิงส.ก.ที่เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ มึนไปตามๆกัน เพราะอย่างพวกผู้จะลงสมัครส.ก. จากเดิมที่ทีมถูกเซ็ตไว้ให้ไปเป็นทีมผู้สมัครส.ก.ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แต่พอบิ๊กแป๊ะ ถอนตัวไม่ลงแล้ว ก็มีการโยกทีมผู้สมัครเกือบทั้งหมด จะให้มาอยู่กับ บิ๊กวิน แต่ปรากฏว่า บิ๊กวิน ก็มีทีมที่จะลงส.ก.ของตัวเองแล้วหลายคน
ผลเลยทำให้มีกระแสข่าวว่าช่วงนี้ กำลังเริ่มเกิดปัญหาชุลมุนในการจัดทีมลงส.ก.กันมาได้สักพักใหญ่ระหว่างทีมเดิมของบิ๊กแป๊ะ กับทีมของบิ๊กวิน ซึ่งบางเขตก็โยกมาได้ แต่หลายเขต ข่าวว่า ยังไม่ลงตัวด้วยซ้ำ แต่ปรากฏว่า มีการเปิดตัวทีม “รักษ์กรุงเทพ” ที่จะลงสมัครส.ก.ทั้ง 50 เขตไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาภายใต้การประกาศชัดว่าคือทีมที่จะสนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน ชิงผู้ว่าฯกทม.
เป็นไปได้สูง ถ้าพลังประชารัฐ เคลียร์ทุกอย่างลงตัว ทั้งเรื่องแคนดิเดตผู้ว่าฯกทม.สายพลังประชารัฐ และทีมผู้สมัครส.ก.สายพลังประชารัฐ ได้เร็ว ย่อมจะมีผลทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เกิดขึ้นเร็วแน่นอน เช่น อาจขยับมาช่วงต้นๆ เดือนพฤษภาคมไปเลยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องลากไปถึงมิถุนายน
สถานการณ์ดูไปแล้ว วันเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และส.ก.ทั้ง 50 เขต จะมาถึงช้าหรือเร็ว ตัวแปรสำคัญหนึ่งเดียวเลยก็คือ ความพร้อมของพลังประชารัฐ ถ้าพลังประชารัฐยังไม่พร้อม เชื่อว่าคงพยายามลากให้ยาวที่สุด
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ฝ่ายพลเอกประยุทธ์ และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย คงไม่ลากยาวจนน่าเกลียด เพราะตอนนี้ คนกรุงเทพฯอยากเลือกผู้ว่าฯกทม.เต็มที่แล้ว เนื่องจาก หากนับจากตอนนี้ธันวาคม 2564 เท่ากับคนกทม. เสียโอกาส ไม่ได้เลือกผู้บริหารกทม.-ส.ก. หากนับถึงกลางปีหน้า ก็เท่ากับ 9 ปีเต็ม เพราะคนกทม.ได้เลือกผู้ว่าฯครั้งสุดท้ายตอนมีนาคม 2556
การว่างเว้นที่ยาวนาน ทำให้มั่นใจได้เลยว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.รอบนี้ คึกคัก-เร้าใจ สู้กันสนุกแน่นอน
ภายใต้การวางแผน-กำหนดยุทธศาสตร์การเมืองของพรรคการเมือง -แคนดิเดตผู้สมัครแต่ละคน ว่าจะกำหนดกลยุทธ์การเมืองการหาเสียง เช่น การเปิดตัวลงสมัคร เมื่อใด เพราะบางคนมองว่า เปิดเร็วไปก็กลัวช้ำ คนกทม.จะไม่ตื่นเต้น แต่บางคนคิดว่า หากเปิดตัวช้า จะมีเวลาหาเสียงน้อยไป เลยต้องรีบเปิดตัวกันแล้ว เพราะหากเลือกตั้งกลางปีหน้า ก็เท่ากับมีเวลาหาเสียงประมาณหกเดือน ก็ถือว่ากำลังดี
ซึ่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.คนล่าสุดที่เปิดตัวมาอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก็คือ “ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)” ที่ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กับแคมเปญเปิดตัว “เปลี่ยนกรุงเทพ เราทำได้” ซึ่งดร.เอ้ ย้ำตอนเปิดตัวว่า เลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกผู้ว่าฯ แต่เลือกอนาคตคนกรุงและลูกหลาน
ถึงตอนนี้เห็นชัดว่า ดร.เอ้ กำลังรับบท “เดอะแบก-แบกความหวัง” ของประชาธิปัตย์ และแกนนำพรรคทั้งหมด ที่หวังให้ ดร.เอ้ เข้ามากอบกู้พรรคปชป.ในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้ได้ ก่อนถึงศึกเลือกตั้งใหญ่
หลังเลือกตั้งปี 2562 พรรคปชป.จากที่เคยเป็นแชมป์ส.ส.เขตกทม.ในช่วงหลัง กลายเป็นสูญพันธุ์ในกทม.ชนิดคนของปชป.หลายเขตไม่ได้ลุ้น อดีตส.ส.หลายสมัยแพ้หลุดลุ่ย คะแนนมาอันดับสาม อันดับสี่ บางเขตโดยเฉพาะที่อยู่ในโซนกทม.ชั้นในที่เคยเป็นพื้นที่แข็ง ปชป. ผูกขาดกันมาหลายสมัย ก็ปรากฏว่า ผู้สมัครปชป. ร่วงระนาวกันหมดแพ้ทั้งพลังประชารัฐ-เพื่อไทย-อนาคตใหม่หรือก้าวไกลปัจจุบัน
ทำเอา ปชป. เสียศูนย์ไปเยอะ คนในพรรคสายกทม.ตั้งหลักกันไม่ติด ขวัญกระเจิงกันไปหมด จนมีทั้งอดีตส.ส.กทม. -อดีตส.ก.และอดีตส.ข. ที่เคยอยู่กับปชป. หลายคน ผวากระแสปชป.ตกต่ำ เลยย้ายออกจากปชป.กระจายไปหลายพรรคทั้ง เพื่อไทย-พลังประชารัฐ-ไทยสร้างไทย แม้แต่พรรคก้าวไกล ก็ยังมี
จน ปชป.ต้องเซ็ตทีมส.ก.กันใหม่ จนสุดท้าย ผู้สมัครส.ก.ของปชป.รอบนี้ พบว่า ที่เปิดตัวมา 50 เขต มีอดีตส.ก.เดิมแค่ 13 คน ส่วนอีก 37 คนเป็นหน้าใหม่ทั้งสิ้น โดยบางคนก็สร้างเสียงฮือฮาไม่ใช่น้อย เช่น กรณี “บุญยอด สุขถิ่นไทย จากอดีตส.ส.กทม.-ปชป.” ที่มาลงสมัครส.ก.พญาไท ที่ก็เป็นเขตที่ปชป.มีฐานเสียงแน่นหนา เพราะที่ทำการพรรคก็อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า อดีตส.ส.กทม.และอดีตผู้สมัครส.ส.กทม.รอบที่แล้ว บางส่วนของปชป.ก็กำลังรอดูผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และส.ก.กลางปีหน้าอยู่ ว่าปชป.จะกลับมาฟื้นในกทม.ได้อีกครั้งหรือไม่ โดยหากเห็นว่า กระแสนิยมปชป.ยังกลับมาไม่ได้ ผู้ว่าฯกทม.และผู้สมัครส.ก.ของปชป.แพ้แบบไม่มีลุ้น ก็อาจทำให้อดีตส.ส.-อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.ของปชป. บางคนอาจตัดสินใจย้ายไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น
หลังที่ผ่านมามีข่าวว่า มีทั้งพรรคการเมืองปัจจุบันและพรรคการเมืองตั้งใหม่ มีการติดต่อทาบทามคนของปชป.ให้ย้ายมาร่วมทีมเหมือนกัน เพราะอย่าง พลังประชารัฐเอง บางเขตเลือกตั้งในกทม. ตัวผู้สมัครรอบที่แล้ว หลายเขต ก็ไม่แข็ง คะแนนแพ้ เพื่อไทย-อนาคตใหม่หรือก้าวไกลทิ้งห่าง และบางคนพอแพ้ก็ไม่ได้ทำพื้นที่ ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรกับพรรค ทำให้บางเขตในกทม. ตัวผู้สมัครของพลังประชารัฐเลยยังว่างอยู่ พร้อมเปิดประตูรับคนของปชป.ได้ หากจะมา
การที่ ดร.เอ้ รับบท “เดอะแบก-ความหวังสุดท้าย” ของปชป.ในการทำให้ปชป.กลับมาพลิกฟื้น มีที่ยืนอีกครั้งในกทม. จึงเป็นภารกิจที่หนักหนาไม่ใช่น้อยสำหรับดร.เอ้ที่เพิ่งเข้าสู่การเมืองเต็มตัวครั้งแรก ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สนามเลือกตั้งกทม. เป็นที่รู้กัน เป็นสนามปราบเซียน ไม่ว่าจะสนามการเมืองระดับชาติหรือท้องถิ่น ดูตัวอย่างเลือกตั้งปี 2562 ใครจะเชื่อว่า ปชป.จะสูญพันธุ์ในกทม. เพราะอย่างที่รู้กัน สนามกทม. ตัดสินกันที่ “กระแส” โดยเฉพาะกระแสในช่วงโค้งสุดท้ายที่พลิกสถานการณ์ได้
จุดนี้น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “มวยรอง” อย่างดร.เอ้และพรรคปชป. ยังมีหวัง แม้ผลโพล์หลายสำนักคะแนนของดร.เอ้และปชป. ยังห่างจาก ชัชชาติ อยู่หลายช่วงต่อ แต่ก็ใช่ว่า โอกาสจะพลิกชนะ จะไม่มี เพราะหนทางสู้ศึกยังอีกยาวไกล อะไรก็เกิดขึ้นได้
