

“มงคลกิตติ์” การันตีร่างปชช. เห็นด้วยยุบ 250 ส.ว. แต่เสนอเพิ่ม 250 ส.ส.แทน อ้างยึดโยงกับประชาชนมากกว่า แนะ “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่ฟังเสียงสะท้อนประชาชนด้วยตนเอง
ในการประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….ฉบับภาคประชาชน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 มาจากการยึดอำนาจของคณะรัฐประหาร นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสองสมัย ซึ่งใกล้จะครบ 8 ปีในวันที่ 23 ส.ค. 2565 ซึ่งตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 เป็นต้นมามีบทบัญญัติรับรองการกระทำการเป็นกบฏตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 และได้นิรโทษกรรมตนเองกับพวกไว้ในรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2557 ฉบับชั่วคราวในมาตรา 48 และมีรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2560 มาตรา 279 รองรับ ซึ่งมีอย่างที่ไหนที่เอาส.ว. 250 คนที่ตนเองเลือกมากับมือโหวตให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีร่วมกับส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เดิมทีตนเห็นว่าประเทศไทยควรมีสมาชิกวุฒิสภาไว้กลั่นกรองกฎหมายเพื่อความรอบคอบ เพราะบางทีส.ส.อาจไม่รอบคอบพอ แต่วุฒิสภาหมายถึงสภาฯที่มีแต่ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่มีเจ้าของ มีความอิสระทางการเมือง ที่สำคัญต้องคิดตรงกับประชาชน ซึ่งไม่ใช่ส.ว. 250 คนชุดปัจจุบันที่โยงกับหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและส.ว.กลุ่มนี้มีความซื่อสัตย์ภักดีกับพลเอกประยุทธ์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ยกตัวอย่างเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 มีการประชุมวุฒิสภาพลเอกประยุทธ์ได้ถามส.ว.ที่มาร่วมประชุมว่าในที่นี้มีใครไม่เชื่อมั่นตนหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีใครยกมือ
“ตนอยากให้นายกฯลองไปถามประชาชนบ้าง หรือไม่ก็เปิดคอมเมนต์ Facebook ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีก็จะรู้ว่าประชาชนรักท่านแค่ไหน หากนายกรัฐมนตรีกลัวว่าจะโกหกก็ไปคนเดียวหรือไปลูกน้องกับซักสองคนตามชุมชนต่างๆนั่งรถเมล์ ไปไร่นา หรือตามชุมชนที่อยู่ริมตลิ่งน้ำท่วมทุกวัน ในจ.นนทบุรี กรุงเทพมหานครหรือจังหวัดอื่นๆ ไปตามตลาดหรือห้างสรรพสินค้าก็ได้ ไปถามว่าอยากสนับสนุนนายกฯคนนี้ให้อยู่ยาวหรือไม่ ท่านก็จะรู้คำตอบเอง เพื่อไปฟังกับหูเชื่อกับตาและยอมรับว่ามันคือเรื่องจริง”
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า คนเรานั้นมีสูงย่อมมีต่ำ มีอำนาจย่อมหมดอำนาจ มีวาสนาย่อมหมดวาสนา มีบุญก็ย่อมหมดบุญ อย่าฝืนต่อไป เราจะได้เห็นว่าส.ว. 250 คน ไม่มีส่วนใดที่ยึดโยงกับประชาชน ตนเห็นด้วยกับร่างที่เสนอมาให้ยกเลิกส.ว. ถือว่าเป็นการประหยัดงบประมาณ แต่ถ้าจะให้ดีหากยกเลิกส.ว.ไปแล้วตนมีความคิดส่วนตัวว่าควรจะเพิ่มส.ส.อีก 250 คน เพราะยึดโยงกับประชาชนมากกว่า อีกทั้งส.ว.ชุดปัจจุบันมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นคนรับรองการสรรหาองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งที่องค์กรอิสระที่ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง เพื่อไม่ใช่ผลประโยชน์ทางการเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพื่อทำงานตรวจสอบและถ่วงดุลรักษาบ้านเมืองเอาไว้ ส่วนแผนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศนั้น เมื่อดูแล้วไม่ทันกับสถานการณ์และเหตุการณ์ปัจจุบัน เพราะบุคคลที่เข้าไปดำรงตำแหน่งไม่หลากหลาย ไม่ครบถ้วนทุกช่วงวัย สมควรต้องปรับปรุงควรใช้คนให้ถูกกับงานเหมาะกับอนาคต ไม่ใช่กำหนดอนาคตให้เหมือนกับในอดีต ส่วนการเพิ่มเติมบทที่ 16 ในการลบล้างผลพ่วงการรัฐประหารและการป้องกันการต่อต้านรัฐประหารนั้น ถึงแม้จะรับร่างผ่านไปแต่ถ้ามีกลุ่มทหารหรือกลุ่มบุคคลที่กระหายอำนาจ กลัวว่าจะสูญเสียอำนาจ อีกทั้งกลุ่มทหารกลุ่มนี้ยังมีอำนาจในการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัฐจำนวนมากเขียนดีแค่ไหนก็ไม่สามารถห้ามสันดานคนแบบนี้ได้ มีวิธีเดียวที่จะต่อต้านการรัฐประหารได้คือประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกันไม่จ่ายภาษีทุกรูปแบบให้กับรัฐบาลที่มาจากคณะรัฐประหาร ถ้าไม่มีเงินมันก็อยู่ไม่ได้ ในการบริหารประเทศหรือใช้วิธีอะไรอารยะขัดขืน จอดรถกลางถนนเพื่อต่อต้านการรัฐประหารให้ผู้นำรัฐประหารออกไปและให้ทหารกลับบ้านเก่า
นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมือนเมื่อก่อนเพราะประเทศไทยมีหนี้สิน นายกรัฐมนตรีคนต่อไปต้องเป็นเซลล์แมนที่ดี และมีคุณสมบัติ ต้องไม่มาจากการรัฐประหาร ตลอดระยะเวลาแปดปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์บริหารงานไม่เป็น กู้เงินเป็นอย่างเดียว เพื่อมาแจกและซื้ออาวุธ ดังนั้นทางรอดของประเทศไทยต้องมีนายกฯมาจากพลเรือนที่เป็นพ่อค้ามีอาชีพอื่นๆก็ได้ยกเว้นทหาร ดังนั้นขอให้ประชาชนสบายใจว่ารัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขนี้เป็นเนื้อหาที่ดี ตนอยากให้ผ่านวาระ 1 วาระ 2 วาระ 3 แต่ผ่านไปแล้วก็ต้องตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 256 (8) ที่ผ่านการทำประชามติ เพราะเป็นการแก้ไขที่มาอำนาจของผู้คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐธรรมนูญหลายองค์กร ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนจะให้ผ่าน แต่ในรัฐสภาแห่งนี้ฝ่ายรัฐบาลและส.ว.ชุดปัจจุบันเกือบทั้งหมดคงจะไม่ให้ผ่านตั้งแต่วาระแรก ส่วนตนและพรรคไทยศิวิไลย์ให้ผ่านวาระแรก เพราะมีเจตนาที่ดี ตนการันตี
แสดงความเห็น
