แถลงจุดยืนม็อบ 31 ต.ค.ปักหมุดราชประสงค์ ล่าชื่อ-จี้คนไทยร่วมเลิก กม.หมิ่น

ที่ลานหน้าศาลฎีกา กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม แถลงเตรียมการชุมนุมในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ก่อนจัดกิจกรรมยืนหยุดขัง 1 ชั่วโมง 12 นาที กับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เพื่อทวงสิทธิการประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมืองที่ถูกขังในเรือนจำ

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กล่าวว่า ขณะนี้เกิดวิกฤตประชาธิปไตย หลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ใน 4 ปีแรก ดำเนินคดีในข้อหาตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ไป 94 ราย ทั้งหมด 80% ถูกจองจำไม่ได้สิทธิประกันตัวในช่วงแรก ก่อนเว้นการบังคับใช้กฎหมาย ม.112 กระทั่งต้นปี 2564 ดำเนินคดีเยาวชนและประชาชนทั่วไปที่แสดงความเห็นทางการเมือง 145 คดี เพิ่มจากเดิม 239 คดี ซึ่งมีผู้ลี้ภัยการเมืองได้รับผลกระทบจากกฎหมายข้อนี้อยู่ในฟินแลนด์ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมแล้ว 20 คน นอกจากนี้ ยังมีคดีการเมืองจากการชุมนุมแสดงความคิดเห็นและเรียกร้องประชาธิปไตยกว่า 800 คดี มีผู้ได้รับผลกระทบกว่าหลักพันคน

“เฉพาะ ม.112 เจอกันทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะสื่อ กรรมกร นายทุน นักธุรกิจ นักเรียนนักศึกษา ไม่เว้นแม้แต่บุคคลระดับสูงเช่นกัน ซึ่งเป็นการปิดกั้นเสรีภาพ ทำลายล้างทางการเมืองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการดำเนินคดีเยาวชนที่คืออนาคตของชาติ ไม่ว่าจะเพนกวิน ไมค์ อานนท์ ไผ่ ดาวดิน และเบญจา การดำเนินคดีโดยไม่ให้สิทธิประกันตัว ทำให้ระบบนิติรัฐได้รับความเสียหาย อาจนำมาสู่ความขัดแย้งของประชาชนและสถาบัน จะกลายเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมือง แม้จะเกิดการเลือกตั้งในปีหน้า จะไม่เป็นการเลือกตั้งที่มีความหมาย เพราะไม่มีสิทธิเสรีภาพ ไม่มีความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม จึงมารณรงค์กันในวันนี้” นายสมยศ กล่าว

ด้าน น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นที่ถกเถียงของประชาชนมานาน และถูกนำมาใช้ทำร้ายประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก จึงต้องออกมาตั้งคำถามอย่างจริงจังเสียทีในการยกเลิกกฎหมายดังกล่าว เพราะกฎหมายสามารถแก้ไข ปรับเปลี่ยน หรือยกเลิกได้ตามบริบทสังคมที่เปลี่ยนไปตามเวลา การยกเลิกแก้ไข ไม่ใช่เพียงเพื่อคนที่โดนคดี แต่เพื่อประชาชนอีกหลายคนในประเทศที่ควรออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียง

“อัตราโทษที่กำหนดในกฎหมาย ม.112 มีตั้งแต่จำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี เทียบเท่าการเจตนาฆ่าคน ถามว่าการพูด แสดงออกทางความเห็น จำเป็นต้องรับโทษขนาดนี้หรือไม่ หลายคดีทางการเมือง ล้วนเป็นคดีความทางการเมือง หมายความว่าต้องมีการถกเถียงทางสังคมให้จบก่อน ต้องมีการตีความ ให้สังคมมีฉันทามติร่วมกันก่อนมีการตัดสิน แต่กฎหมายนี้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือที่ใครจะใช้ยังไงก็ได้ ซึ่งยังมีเรื่องขอบเขตการตีความทางกฎหมาย เพราะปัจจุบันเราไม่สามารถจำกัดความได้เลยว่าแบบไหนเข้าหรือไม่เข้า บางคนแต่งชุดไทยยังโดน บางตนแต่งครอปท็อป บางคนพิมพ์คำว่าจ้าก็ยังโดน ส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายไร้มาตรฐานและหลักการ ไม่ควรถูกบัญญัติในหมวดความมั่นคงแห่งรัฐที่เป็นความผิดร้ายแรง” น.ส.ภัสราวลี กล่าว

ขณะที่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง กล่าวว่า วันที่ 31 ต.ค.ให้ทุกคนมาเจอกันที่แยกราชประสงค์ เริ่มกิจกรรมตั้งแต่ 16.00 น.ไม่เกิน 22.00 น.จะมีเวทีปราศรัยไม่เล็ก และมีการล่ารายชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 หากการเข้าชื่อสำเร็จ ก็จะยกเลิกกฎหมายหมิ่นทั้งระบบ กฎหมายที่มีโทษจำคุก จะเหลือแค่โทษปรับ เป็นภารกิจที่จำเป็นอย่างยิ่ง ขอประชาชนทุกภาคทุกจังหวัดมารวมตัวแสดงพลังประชาชนร่วมกัน

แสดงความเห็น