โควิดวันนี้ พบติดเชื้อเพิ่ม 10,486 ราย ห่วงภาคใต้-เชียงใหม่ ติด 10 อันดับติดเชื้อสูงสุดในประเทศ พบยอดตายภาคใต้ยังพุ่งสูงขึ้น ชี้ ลักษณะคลัสเตอร์เริ่มกระจายเข้าสู่ครอบครัว
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 10,486 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 9,410 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 867 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 167 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 42 ราย ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 1,733,327 ราย หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 10,711 ราย หายป่วยสะสม 1,609,035 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 107,606 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 94 ราย
ส่วนผลตรวจ ATK จะไม่นับรวมกับยอดผู้ติดเชื้อรายวัน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อจากผลตรวจ ATK 2,192 ราย โดยหากรวมกับผลตรวจ RT-PCR จะพบผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 12,678 ราย ทั้งนี้ หากนับการตรวจ ATK ตั้งแต่ 20 ส.ค.64 ถึงปัจจุบัน ตรวจไปแล้ว 2,484,903 ราย ไม่รวมผู้ที่อยู่ในเรือนจำ โดยผลบวกทั้งประเทศอยู่ที่ 6-7%
สำหรับผู้เสียชีวิตเพิ่ม 94 รายนั้น มีอายุ 27-106 ปี มีหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย อายุ 37 ปีที่ จ.ปัตตานี เป็นโรคอ้วนและไม่ได้รับวัคซีน ขณะที่ใน กทม.ยังเสียชีวิตสูงสุด
ขณะเดียวกัน พื้นที่ภาคใต้ในภาพรวม ยอดเสียชีวิตพุ่งสูงขึ้น รวม 36 ราย และมี 5 ใน 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุดของประเทศวันนี้ คือ ยะลา ปัตตานี สงขลา นราธิวาส และนครศรีธรรมราช ซึ่งลักษณะการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์ที่กระจายเข้าสู่ครอบครัว จึงต้องมีการเฝ้าระวัง เช่นเดียวกับ จ.เชียงใหม่ ที่ ศบค.เป็นห่วง เพราะวันนี้ (15 ต.ค.) มีจำนวนผู้ติดเชื้อเข้ามาอยู่ในอันดับ 10 ของประเทศแล้ว ซึ่งการแพร่ระบาดมีทั้งตลาด โรงงาน สถานศึกษา บ้านพักเด็ก นอกจากนี้ ยังมีคลัสเตอร์ที่ จ.ชลบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นแคมป์ก่อสร้าง ,จ.อุบลราชธานี เป็นการแพร่ระบาดในโรงพยาบาล ร้านอาหาร ,จ.ตรัง เป็นคลัสเตอร์งานเลี้ยงเกษียณ ,จ.ขอนแก่น เป็นคลัสเตอร์งานศพ, จ.ชลบุรี เป็นคลัสเตอร์ค่ายทหาร ,จ.จันทบุรี เป็นคลัสเตอร์ล้งผลไม้ และจ.ลำพูน เป็นคลัสเตอร์แรงงานเก็บถั่วแรก
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 สรุปจำนวนการได้รับวัคซีนสะสม จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ. – 13 ต.ค. 64 รวม 62,579,803 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม 36,239,806 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 24,502,527 ราย และผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม 1,837,470 ราย
