พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และส.ส.พรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ให้การต้อนรับ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางกลุ่มเตรียมเคลื่อนไหวขับไล่การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือให้ไปรวมกลุ่มกันที่บริเวณท่าน้ำนนทบุรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเดินทางขึ้นเรือหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจตรวจสถานการณ์น้ำ
แต่ก็มีประชาชนบางส่วนมาเคลื่อนไหวต่อต้านนายกรัฐมนตรีโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบต้องคุมตัวออกนอกพื้นที่ ขณะเดียวกันชาวบ้านบางส่วนชูป้ายให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีเช่นกัน
โดยนายกรัฐมนตรีขึ้นเรือจากศาลาท่าเรือเทศบาลนครปากเกร็ด ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ และรับฟังบรรยายสรุปจากกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมการสร้างคันกั้นน้ำ ที่จะดำเนินการสร้างทั้งหมดความยาว 50 กิโลเมตร ดำเนินการ แล้วเสร็จ 18 กิโลเมตร พร้อมตรวจเยี่ยมบ้านเรือนประชาชนที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบบางส่วน ตลอดจนติดตามการก่อสร้างแนวกำแพงป้องกันน้ำมท่วมรอบเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ดด้วย โดยเส้นทางการตรวจเยี่ยมทางเรือมีระยะทางประมาณ 12.5 กิโลเมตร
โดยระหว่างการลงเรือตรวจสถานการณ์น้ำกรมชลประทาน สรุปสถานการณ์ระดับน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากสถานีวัดระดับน้ำ นครสวรรค์ พบมีปริมาณน้ำไหลผ่านเริ่มทรงตัว เมื่อรวมกับน้ำที่มาจากแม่น้ำสะแกกรัง ตัวเลขอยู่ที่ 3,123 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระบายน้ำเข้าสู่ทุ่งรับน้ำนองอย่างต่อเนื่อง และ ยังมีศักยภาพรองรับน้ำได้อีกเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เก็บน้ำได้เต็มความจุแล้ว จึงต้องระบายน้ำ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่บังคับน้ำให้ผ่านเขื่อนพระรามหกเพียง 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนที่เหลือระบายเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ส่วนระดับน้ำ ที่อำเภอบางไทรวัดได้ 2,873 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังไม่เต็มขีดความสามารถที่รองรับได้ประมาณ 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงเร่งระบายน้ำในช่วงที่น้ำทะเลลง เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่อาจเพิ่มมากขึ้น
สำหรับพื้นที่ปากเกร็ดหากมีปริมาณน้ำปล่อยมา 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลกระทบต่อชุมชนในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ 3 ชุมชน พร้อมแจ้งเตือนประชาชน ระมัดระวังน้ำทะเลหนุนสูงเวลา 20.00 น. วันนี้
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ตรวจการก่อสร้างแนวกำแพงป้องกันน้ำท่วม และพบปะประชาชนที่ได้รับผลกระทบบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ซึ่งยังคงน่าเป็นห่วง แม้จะเตรียมระบบรองรับไว้มากแล้ว แต่ยังไม่ทันกับสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งยังไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนบางส่วน จึงไม่สามารถดำเนินงานตามแผนป้องกันน้ำท่วมที่วางไว้ได้
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ล่องเรือเพื่อตรวจเยี่ยมเป็นขณะเดียวกับที่กลุ่มต่อต้านพลเอกประยุทธ์ได้ทยอยรวมตัวกันจำนวนมากที่บริเวณท่าน้ำนนท์ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและส่วนล่วงหน้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ร่วมกันประเมินให้เปลี่ยนจุดขึ้นเรือให้กับนายกรัฐมนตรี จากท่าน้ำนนท์ไปขึ้นเรือที่หน้าอาคารหนึ่งรัฐสภาแห่งใหม่
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ แวะที่ท่าเรือพิบูลย์สงคราม 4 เพื่อเยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่เดือดร้อนโดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า หัวใจของนายกรัฐมนตรีส่งลอยมาให้กับทุกคนทั้งประเทศ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง
แสดงความเห็น
