นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยระบุว่า มีการนำคดีความไปแลกกับการเป็นงูเห่าว่าคำว่างูเห่าได้ยินมานานหลายเดือนแล้ว บางครั้งบอกว่ามีงูเห่า 20-30 คน แต่ครั้งนี้มีคนยกมือให้รัฐบาล 10 คนจะไปบอกเขาเป็นงูเห่าได้อย่างไร เขาอาจมองว่าเหตุผลที่ช่วยยกมือสนับสนุนเป็นคุณกับทางรัฐบาล ทำให้เกิดความมั่นคง การบอกว่าเอาคดีความไปแลกพูดอย่างนั้น จะเป็นการสร้างรั้วที่ขวางทางเดินของ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลในเรื่องคดีความและกระบวนการยุติธรรม ตนไม่อยากให้เอามาพูด ถ้าเอามาพูดว่าบางคนเข้ามาสู่คดีความใกล้คุกและศาลถือเป็นความหมิ่นเหม่ เราอย่าพูดกันเรื่องนี้ขอให้พูดเรื่องอื่นที่เป็นเหตุผล เห็นหลายคนฝั่งรัฐบาลก็ถูกคดีความ ศาลออกหมายจับทั้งที่เป็น ส.ส. ฉะนั้นไม่เชื่อว่าเป็นงูเห่า หรือมีงูเห่า เพราะตัวเลขที่ออกมาแต่ละครั้งไม่ตรง ยืนยันไม่ใช่เรื่องงูเห่า ได้อะไรไปหรือไปแลกเปลี่ยนคดีความตนว่าไม่ใช่ ฉะนั้นเรื่องงูเห่าควรจบ ส่วนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ ว่า การเมืองในขณะนี้ย้อนอดีตไปเกือบ 40 ปี เป็น “Money Politic” ที่ใช้อำนาจอธรรมและเงินเป็นเครื่องมือนั้น ตนไม่ทราบว่าท่านเอาอะไรมาพูด แต่ตนเห็นว่าการเมืองทุกยุคทุกสมัยเหมือนกันหมด อย่าไปว่าใครเป็นอะไรเลย อย่าไปว่ากันเอาผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลักดีกว่า
เมื่อถามว่าถ้าพรรคเศรษฐกิจใหม่มาร่วมรัฐบาลด้วยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ยินดีต้อนรับหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องกฎหมายตนคิดว่ามาไม่ได้ง่ายๆ เมื่อถามถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสมศักดิ์ กล่าวว่าถามใครคงตอบไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจของนายกฯ ถ้านายกฯคิดว่าดีแล้ว ไหว นายกฯก็ดำเนินการไปตามที่คิด ทั้งนี้ต้องขอบคุณพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่ยกมือให้รัฐบาลถึง 4 คน และไม่ทราบว่ามีการประสานกับพรรคเศรษฐกิจหรือไม่เขาอาจจะมีความเห็นของเขา เพราะเขาเป็นส.ส.อยู่แล้ว เมื่อถามว่าการคุมเสียงในสภาฯของพรรคร่วมรัฐบาลต้องมีการปรับปรุงวิปรัฐบาล หรือตัวประธานหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่าตนว่าวิปรัฐบาลทำดีแล้ว เสียงมีจำนวนปริ่มแบบนี้คนเป็นวิปรัฐบาลเหนื่อยพอสมควร น่าจะให้กำลังใจกันมากกว่า อย่าไปโทษวิปรัฐบาลเลย เราต้องโทษเรื่องอื่นมากกว่า เมื่อถามย้ำว่าถ้า 3 ป.ไม่ออกฤทธิ์พรรคร่วมคงทำงานไม่ได้ราบรื่นขนาดนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า 3 ป.ก็ต้องออกฤทธิ์อยู่แล้ว ถ้าไม่ออกก็ไม่เข้าแถวกัน แถวไม่ตรง ถือเป็นเรื่องดีที่หัวหน้ารัฐบาลออกมาพบปะพูดคุยกันบ้าง ทุกรัฐบาลก็มีลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่รัฐบาลครั้งแรก
