เสริมทัพบ้าคลั่ง ผลงานบ้าบอ อาทิตย์นี้ชี้ชะตา ‘เซอร์เด็จ’

DST.Special Report : พูดกันตามตรง ‘ค้างคาวมหากาฬ’ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ถูกกาหัวว่า นี่คือทีมที่จอมสัมปทาน ‘ตั๋วไทยลีก 1’ ตั้งแต่ฤดูกาลยังไม่ทันรูดม่านเสียด้วยซ้ำ

นั่นเพราะในช่วงตลาดซื้อ-ขาย ‘บอสต้น’ อภิวัฒน์ คณากรณ์ ประธานสโมสร เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ขนเงินกองพะเนินไปกวาดต้อนเหล่าพ่อค้าแข้งบนลีกสูงสุดมาร่วมทีมจำนวนมาก

โดยเฉพาะ 3 กองหน้า ค่าเหนื่อยบานตะไท ดาวดังไทยลีก 1 พาเหรดกันมาล่าตาข่ายให้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น แฮริสัน ไคออน, เลอันโดร อัสซัมเซา, โจนาธาน เฮส

ที่สำคัญ 3 มือพระกาฬดังกล่าว ไม่ใช่ประเภทกองหน้าใกล้วัยเกษียณ แต่อายุอานามยังอยู่ในวัยเพชฌฆาตหนุ่ม ที่มีทั้งความสด ความเฉียบคม

ด้านนักเตะแนวรับต่างชาติ ก็ได้กองหลังสัญชาติอุซเบกิสถาน ‘อาทยอม ฟิลิปโปซิยาน’ ที่ยืนเป็นภูผา หนาเตอะให้พีที ประจวบ เอฟซีมานาน จนกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลที่สามอ่าว 

ขณะที่ขุมกำลังนักเตะไทย ก็ไม่ได้กิ๊กก๊อก ‘เจ้าหน่อง’ จิตปัญญา ทิดสุด นักเตะใหม่ ที่สไลด์มาจากราชบุรี มิตรผล เอฟซี คลาสบอลอยู่ในระดับลีกสูงสุด

ส่วนพวกนักเตะอาวุโส ทั้ง  ‘เจ้ากบ’ สุเชาว์ นุชนุ่ม กัปตันทีม ‘เจ้าตุ้ย’ กรวิทย์ นามวิเศษ ป้อมปราการชั้นยอด ตลอดจน ‘ป๋าตี๋’ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายทวารระดับตำนานที่ยังโลดแล่น เหล่านี้อยู่ในประเภทแก่แต่เก๋า สู้รบปรบมือในไทยลีก 1 ได้สบายอยู่

ดังนั้น จึงต้องไม่แปลกใจที่ความคาดหวังของแฟนบอลจะสูงยิ่งกว่าตึกใบหยก

ทว่า 4 นัดแรกในลีกพระรองครั้งแรกของเมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ภายใต้บรมกุนซือดีกรีแชมป์ไทยลีก ‘เซอร์เด็จ’ จเด็จ มีลาภกลับวิ่งสวนทางกับเม็ดเงินที่หว่านลงไป

4 นัดของ ‘เซอร์เด็จ’ เพิ่งจะพา ‘ค้างคาวมหากาฬ’ คว้าชัยได้เพียงนัดเดียว นั่นคือ การเปิดบ้านเฉือนอยุธยา ยูไนเต็ด สาขาสองของเมืองทอง ยูไนเต็ด ไปได้ 2-1

อีก 3 นัดคือ บุกไปแพ้ระยอง เอฟซี 2-3 บุกไปเสมอลำปาง 1-1 และบุกไปปราชัยให้กับอุดรธานี เอฟซี แบบหมดรูปเต็งแชมป์ไป1-3

เท่านั้นไม่พอ ทีมของ ‘เซอร์เด็จ’ เสียประตูให้คู่แข่งไปแล้วถึง 8 ลูก มากกว่าจำนวนสกอร์ที่ทำได้ 6 ลูกเท่านั้น

ฟอร์มไม่เอาอ่าว ถึงขั้นแฟนบอลค่อนแคะกันว่า ฟอร์ม ‘ไม่เบิ้ม’ เหมือนกับการเสริมทัพระดับ ‘บิ๊ก’ เลย

ก่อนหน้านี้แฟนบอลพยายามใจร่มๆ มองโลกในแง่ดีว่า ด้วยนักเตะใหม่ที่มาจากหลากหลายทิศ อาจต้องใช้เวลาปรับจูนกันสักระยะ แต่พอผ่านไป 4 นัด กับไม่มีวี่แววจะพ้นสถานการณ์ย่ำแย่ ตลกร้ายกว่า พวกเขาเล่นกันไร้ทรง และไร้สไตล์

มันจึงเริ่มมีเสียงเรียกร้องไปถึงผู้บริหารให้กระทำการเปลี่ยนแปลงก่อนที่เวลาจะล่วงเลย เพราะหลายคนมองว่า ความสำเร็จของ ‘เซอร์เด็จ’ น่าจะเป็นเพียงอดีตอันหอมหวานที่น่าจะล็อคกลอนในกล่องความทรงจำไปแล้ว

หรือไม่ก็ ‘เซอร์เด็จ’ ไม่เหมาะที่จะคุมทีมระดับรอง เพราะตลอดชีวิตคลุกฝุ่นอยู่บนลีกสูงสุดมาโดยตลอด

แฟนบอลไม่สามารถรั้งรอเวลาได้ เมื่อสิ่งวัตถุดิบในห้องอาหารมันล้วนเป็นแต่ของพรีเมียม แต่ไม่สามารถปรุงรสให้สมราคาได้

มีการมองกันว่า เกมกับเกษตรศาสตร์ เอฟซี ในวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายนนี้ น่าจะเป็นเกมชี้ชะตาของ ‘เซอร์เด็จ’ แล้ว เพราะได้เล่นในบ้านตัวเอง

‘เซอร์เด็จ’ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผลลัพธ์เดียวที่ต้องมีให้คือ ‘ชัยชนะ’ หากหมดเสียงนกหวีดหลังเกม ผลเสมอก็ไม่น่าจะต่อลมหายใจในดินแดนสะพานข้ามแม่น้ำแควได้

รอดูกันว่า แมตซ์นี้มันจะเป็น ‘ฟางเส้นสุดท้าย’ ระหว่าง ‘ค้างคาวมหากาฬ’ กับ ‘เซอร์เด็จ’ หรือไม่.

_____________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ MuangKan United

แสดงความเห็น