นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวถึงเหตุการณ์สภาล่มในวันสุดท้ายของการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปศึกษาก่อนปิดสมัยประชุมว่า เป็นข้อตกลงของทั้งวิปฝ่ายค้าน วิปรัฐบาล และวิปวุฒิสภาที่จะให้ ส.ส. และ ส.ว.สามารถอภิปรายได้อย่างเต็มที่ และจะมีการลงมติรับหลักการหลังเปิดสมัยประชุมสภาฯในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ระหว่างการอภิปราย ส.ส.ฝ่ายค้าน ได้มีการเสนอให้ลงมติทันที ซึ่งตนเองก็ได้สำรวจที่บริเวณนอกห้องประชุมและห้องอาหารแล้ว พบว่ามี ส.ส.อยู่ร่วมประชุมจำนวนมาก แต่มีข้อตกลงภายในของทั้ง 3 ฝ่ายที่จะให้มีการลงมติในสมัยการประชุมถัดไป จึงไม่ใช่อุบัติเหตุสภาล่ม ส่วนจำเป็นจะต้องเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อมาพิจารณาลงมติหรือไม่นั้น ให้เป็นการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
นายชวน ยังเปิดเผยด้วยว่า ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาในเดือนพฤศจิกายนนี้จะเชิญผู้แทนจากทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล มาหารือการปรับแนวทางการพิจารณาร่างกฎหมาย หลังมี ส.ส.อภิปรายกันจำนวนมากจนทำให้การพิจารณาล่าช้า ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ขอความร่วมมือ ส.ส.ไปแล้ว และในอดีตก็มีการแบ่งสัดส่วนจำนวน ส.ส. ของแต่ละพรรคการเมืองในการอภิปราย แต่ ส.ส.ชุดนี้ไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับการจำกัดเวลาอภิปรายที่ ส.ส.ชุดนี้ส่วนใหญ่มักจะอ่านตามบทอภิปรายที่เตรียม ดังนั้น เมื่อขอให้สรุปรวบรัดเวลาก็ไม่สามารถทำได้ และยอมรับว่าสภาต้องหยุดการประชุมไป 1 เดือนหลังสถานการณ์โควิด แต่เมื่อเปิดการประชุม ส.ส.ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นกัน
ส่วนกรณีที่บรรดาแกนนำพรรคการเมืองทยอยลงพื้นที่จะเป็นสัญญาณการยุบสภาหรือไม่นั้น นายชวน ระบุว่า ตนเองยังไม่ได้ยินข่าวการยุบสภาดังกล่าว มีเพียงแต่การนำเสนอของสื่อมวลชน และนักการเมืองก็ยังไม่ได้พูดถึงการยุบสภา ทั้งนี้ การลงพื้นที่ดังกล่าวสืบเนื่องจากเป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งในอดีต ส.ส.ก็จะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวลงพื้นที่ เช่นเดียวกับตนเองที่เตรียมลงพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อนำหน้ากากอนามัยไปมอบให้กับส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อนำไปดูแลประชาชน เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนได้ลงพื้นที่เกือบครบทั้งประเทศแล้วขาดเพียงภาคเหนือเท่านั้น
แสดงความเห็น
