ศึกซักฟอกถล่มหนัก บิ๊กตู่-เสี่ยหนู ม็อบรับไม้ต่อ โหมโค่น 3 ป.

จากท่าทีของพรรคฝ่ายค้านและคำบรรยายพฤติการณ์รัฐมนตรีที่นำมาสู่การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นต่อประธานสภาฯ ไปเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏชัดศึกซักฟอกรอบนี้ เป้าใหญ่ ที่ฝ่ายค้านรอถล่มหนัก แบบให้คางเหลืองกลางสภาฯ ที่แม้จะยื่นไป 6 ชื่อ แต่เป้าหลัก มีแค่สองคนเท่านั้น คือ 

1.บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม 

2.เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย 

ในประเด็นหลัก คือเรื่อง “วิกฤตสงครามโรคโควิด-การบริหารจัดการวัคซีน” 

เห็นได้จากการโหมโรง ไล่ถล่มบิ๊กตู่-เสี่ยหนู รายวันมาตลอดร่วมเดือนในเรื่องโควิด-วัคซีน  ยิ่งเมื่อไปดูญัตติที่ฝ่ายค้านเขียนบรรยายพฤติการณ์ของ พลเอกประยุทธ์และอนุทิน ที่นำมาสู่การซักฟอก ก็หนักหน่วงรุนแรงยิ่งนัก ตั้งข้อหาอุจฉกรรจ์ จนบิ๊กตู่-เสี่ยหนู แทบไม่เป็นผู้เป็นคน 

จึงฟันธงได้ว่า ศึกซักฟอกรอบนี้ ที่ฝ่ายค้านวางคิวไว้ว่าต้องการอภิปราย ช่วง 31 ส.ค.-3 ก.ย. แต่วิปรัฐบาล ยังไม่ตอบตกลง คนที่จะโดนถล่มหนักที่สุด ก็คือ พลเอกประยุทธ์ โดยเฉพาะเรื่องโควิด-วัคซีน ในฐานะ ประธานศบค. และอนุทิน ในฐานะรมว.สาธารณสุข 

ส่วนอีก 4 รัฐมนตรี แม้การข่าวที่ออกมา รัฐมนตรีบางคน รอบนี้คาดว่าจะโดนซักฟอกหนักเช่นกัน แต่ก็ไม่หนักเท่า บิ๊กตู่-เสี่ยหนู แน่นอน 

อย่างไรก็ตาม คาดหมายกันว่า รัฐมนตรี คนที่จะถูกฝ่ายค้าน จัดหนักอีกคนหนึ่ง รองๆ ลงมาจากพลเอกประยุทธ์และอนุทิน ก็คือ “เสี่ยโอ๋ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม-เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย” 

เพราะข่าวว่า ฝ่ายค้าน เตรียมข้อมูลเรื่อง “การประมูลรถไฟทางคู่สายอีสานและสายเหนือ” ไว้ซักฟอก ศักดิ์สยาม อย่างหนัก ถึงขั้นมีข่าวลือมี “คนวงในที่เกี่ยวข้องกับการประมูลเมกะโปรเจคต์” ดังกล่าว คอยเตรียมข้อมูลให้ฝ่ายค้านไว้แล้ว ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเรื่องการประมูลโครงการรัฐขนาดใหญ่ เมื่อมีคนได้ประโยชน์ ก็ต้องมีเสียประโยชน์ ดังนั้น ฝ่ายที่เสียประโยชน์ก็ย่อมต้องหวังพึ่งฝ่ายค้าน คอยเตะสกัดการประมูลโครงการหรือเพื่อดิสเครดิต รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง 

เลยทำให้ ซักฟอก รอบนี้ ศักดิ์สยาม ข่าวว่า เป็นอีกหนึ่งรัฐมนตรีที่น่าจะงานเข้าหนัก เพราะก็ยังมีประเด็นเรื่อง “ปัญหาที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์” ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่โยงถึง “ตระกูลการเมือง” ด้วย โดยข่าวว่า แม้ประเด็นเรื่องที่ดินดังกล่าว ฝ่ายค้านจะเคยอภิปรายไปแล้วตอนรอบที่แล้ว แต่รอบนี้ ฝ่ายค้านได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากคนในการรถไฟฯ ส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้านเพิ่มเติมจากการอภิปรายครั้งที่แล้ว เลยทำให้ ฝ่ายค้าน เตรียมนำมาขย้ำศักดิ์สยาม ต่อเป็นรอบที่สอง ในทำนอง การทวงถาม  ศักดิ์สยาม กลางสภาฯว่า การดำเนินการเรื่องนี้ไปถึงไหน และจะมีการเอาผิดคนที่ครอบครองโฉนดที่ดินดังกล่าวที่ศาลฎีกาตัดสินให้เพิกถอนหรือไม่ ยิ่งองค์คณะของศาลฎีกาที่ตัดสินคดีนี้ ไม่ใช่ใครอื่น มีชื่อ นางเมธินี ชโลธร ประธานศาลฎีกาปัจจุบันที่จะพ้นจากตำแหน่งเดือนกันยายนนี้รวมอยู่ด้วย เลยยิ่งเพิ่มน้ำหนัก ให้ฝ่ายค้านนำประเด็นนี้มารุกไล่ ศักดิ์สยาม กลางสภาฯ ได้อีกรอบแน่นอน 

แม้ก่อนหน้านี้  นิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย จะออกแอ็คชั่นทำหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกทับที่ดินของการรถไฟฯ เนื้อที่ประมาณ 5,083 ไร่ตามคำตัดสินของศาลฎีกา แต่มีกระแสข่าวว่า ฝ่ายค้าน มีข้อมูลอะไรบางอย่างที่ลึกกว่านั้น โดยเฉพาะเรื่อง การชี้แนวเขตที่ดิน ส่วนข้อมูลจะลึกขนาดไหน รอติดตาม

แต่ดูแล้ว ซักฟอกรอบนี้ หาก ศักดิ์สยาม เตรียมตัวมาไม่ดี ทั้งในเชิงข้อกฎหมายและเชิงการเมือง ก็เสี่ยงจะโดนฝ่ายค้านรุมกินโต๊ะกลางสภาฯ ได้เช่นกัน 

ส่วนรัฐมนตรีอีกสามคนที่ติดโผโดนซักฟอก ไม่ว่าจะเป็น เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ -สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน-ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดูแล้ว บางคน ก็ไม่น่าจะหนักหนาอะไรมาก แต่ที่ถูกซักฟอกไปด้วย น่าจะเป็นเชิงการเมืองมากกว่า เช่น กรณีของ ชัยวุฒิ-รมว.ดีอีเอส กับบทบาทเรื่องการตอบโต้โซเชียลมีเดียฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล รอบนี้ ฝ่ายค้าน เลยเอาซะหน่อย ไม่ให้เสียเที่ยว 

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีที่โดนยื่นซักฟอก มีข่าวว่าบางคน ก่อนหน้านี้ เห็นทำงานเป็นรัฐมนตรีเงียบๆ แทบไม่ค่อยเป็นข่าว แต่ปรากฏว่าจริงๆ แล้ว  ฝ่ายค้าน ซุ่มหาข้อมูลเตรียมไว้เยอะพอสมควร จนเห็นว่าถึงเวลาแล้ว เลยโดนลากขึ้นเขียงให้สับกลางสภาฯ ในศึกซักฟอกรอบนี้ไปด้วย 

นั่นก็คือ “เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย รมว.เกษตรฯ” ที่ข่าวว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเน้นเรื่อง การบริหารงานในก.เกษตรฯในรอบสองปีที่ผ่านมา โดยดูแล้ว ฝ่ายค้านคงมี ข้อมูลเด็ดไว้พอสมควร จนเป็นที่มาของการเขียนญัตติไว้รุนแรงไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องทำนอง ผลประโยชน์ในก.เกษตรฯ เห็นได้จากที่ระบุพฤติการณ์เฉลิมชัยไว้ตอนหนึ่งว่า 

“มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ผ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เข้าไปมีส่วนได้เสียในการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการของหน่วยงานที่ตนกำกับดูแล”

เรียกได้ว่า แวดวงคนประชาธิปัตย์ บอกว่า คนการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ ดูจะหนักใจแทน เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย  ไม่ใช่น้อย เพราะความที่เฉลิมชัย เป็นคนบ้านๆ พูดไม่เก่ง ติดนิสัยแบบโผงผาง และเพิ่งจะถูกซักฟอกครั้งแรก เลยอาจทำให้ ถ้าโดนฝ่ายค้าน แหย่รังแตนมากๆ จะน็อตหลุดกลางสภาฯ ได้

เลยคาดการณ์ได้ว่า วอร์รูมการเมืองประชาธิปัตย์ คงเตรียมเซ็ตขุนพล-ทีมงาน เพื่อคอยป้อนข้อมูล ทำการบ้านติวเข้มให้ เฉลิมชัย อย่างหนักแน่นอน เพราะเฉลิมชัย ถือเป็นแกนนำคนสำคัญของพรรค ดังนั้น หากปล่อยให้ฝ่ายค้านไล่ต้อน แล้วแจงไม่ได้ คนในพรรคก็เกรงจะส่งผลทางการเมืองกับประชาธิปัตย์ได้ เลยต้องมีการเช็ตทีมคอยช่วย เฉลิมชัย ชนกับฝ่ายค้าน เพื่อไม่ให้พลาดโดนน็อกกลางสภาฯ 

อย่างไรก็ตาม ในทางการเมือง ฝ่ายค้าน คงไม่หวังว่า ผลการอภิปราย จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ ได้ เพราะ สองพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญ “ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์” ยังไง ก็จะร่วมรัฐบาล กอดคอหนุน บิ๊กตู่ เป็นนายกฯต่อไป ยากที่จะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหลังจบศึกซักฟอก 

ยิ่งเมื่อ อนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเฉลิมชัย เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โดนซักฟอกด้วย เลยทำให้ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย จะออกลูกยึกยักตอนโหวตลงมติ ไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจให้กับ พลเอกประยุทธ์และรัฐมนตรีของพลังประชารัฐไม่ได้ 

สุดท้ายแล้ว พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ คงกอดคอ ร่วมรัฐบาลกันต่อไป ฝ่ายค้านจึงหวังแค่ ใช้เวทีซักฟอก “ถล่ม-ดิสเครดิต-เปิดแผล” รัฐบาล โดยเฉพาะ พลเอกประยุทธ์เป็นหลักเท่านั้น ส่วนหากจะมีผลข้างเคียงการเมืองตามมา ก็ถือเป็นผลพลอยได้ แต่ที่ฝ่ายค้าน หวังไว้มากที่สุด ก็คือ หวังให้ผลจากคำอภิปรายของฝ่ายค้านในเรื่องโควิด-วัคซีน  ทำให้เกิดกระแสประชาชน ไม่ยอมรับพลเอกประยุทธ์และรัฐบาล ออกมาแบบรุนแรง พีคจนถึงขีดสุด จนส่งผลให้เมื่อมีการนัดม็อบการเมืองไม่ว่าจะเป็นม็อบไหน จะมีคนไปร่วมจำนวนมาก จนกดดัน พลเอกประยุทธ์ ให้ไปต่อไม่ได้ จนต้องยุบสภาฯหรือลาออก 

สิ่งนี้คือเป้าหมายทางการเมืองที่แท้จริง ของฝ่ายค้านมากกว่า ในการโค่นล้ม พลเอกประยุทธ์และเครือข่ายอำนาจ 3 ป. แม้ดูแล้ว จะยากก็ตามที  

แสดงความเห็น