15 ส.ค. ณัฐวุฒิ หัวหอกนำม็อบ รอบนี้ “เต้น” ทำเพื่อใคร?

แม้ม็อบ 7 ส.ค. จะจบไปแล้ว อันเป็นการชุมนุมทางการเมืองที่ร้อนแรงและตึงเครียดอีกนัดหนึ่ง กับการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ส่วนใหญ่เห็นชัดไม่ใช่

“ม็อบนักศึกษา-คนรุ่นใหม่-ชนชั้นกลาง”

แต่เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวแนวม็อบรีเด็ม ที่มีภาพลักษณ์ความฮาร์ดคอร์ ภายใต้เครือข่ายการจัดตั้งของสมาชิกในกลุ่มที่พร้อมจะแลกกับตำรวจทุกเมื่อ 

ที่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากม็อบเคลื่อนไหวกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก ยังคงเคลื่อนไหวแบบนี้ต่อไป ก็มีแต่จะยิ่ง ทำให้ภาพลักษณ์การชุมนุมของกลุ่มที่พยายามบอกว่าเรียกร้องประชาธิปไตย ยิ่งติดลบมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ แนวร่วมหลายกลุ่ม โดยเฉพาะ “กลุ่มนักศึกษา-คนรุ่นใหม่-ชนชั้นกลาง” จะยิ่งถอยห่างออกไปเรื่อยๆ 

โดยเฉพาะจุดสำคัญ ที่บรรดากลุ่มม็อบต่างๆ ที่วันนี้ มีเป้าประสงค์หลักตรงกันคือ “กดดัน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”ให้ลาออกจากนายกรัฐมนตรี โดยสิ่งที่ทุกม็อบต้องการมากที่สุด ก็คือ การทำให้ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยเป็นกองเชียร์รัฐบาลหรือกลุ่มกลางๆ หรือพวกพลังเงียบ ที่ไม่ได้ชอบ บิ๊กตู่ มากมาย แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนม็อบสามนิ้ว แต่เห็นว่า รัฐบาลบริหารผิดพลาดในเรื่องโควิด เลยออกมาเป็นแนวร่วม ม็อบไล่นายกฯ 

ซึ่งกลุ่มม็อบไล่รัฐบาลทุกกลุ่ม ล้วนต้องการอยากได้แนวร่วมกลุ่มนี้ให้มาร่วมม็อบกับฝ่ายตัวเองมากที่สุด โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เพราะมีความคล่องตัวในการมาร่วมชุมนุมการเมืองทั้งแบบตั้งเวทีปราศรัยและคาร์ม็อบ

แต่หากการเคลื่อนไหวของม็อบกดดันนายกฯ ยังคงมีภาพความรุนแรงออกมาต่อเนื่องจน

“แนวร่วมเดิมหาย-แนวร่วมใหม่ไม่เติมเข้ามา” 

เพราะไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง และเกรงตัวเองจะได้รับอันตราย สุดท้าย ม็อบไล่นายกฯ ของสารพัดกลุ่มในวันนี้ จะเป็นการชุมนุมที่มีแต่คนกลุ่มเดิมๆมาร่วม ยิ่งช่วงโควิดระบาดหนักแบบนี้ แนวร่วมเดิม ก็ไม่อยากออกมา เพราะกลัวติดโควิด ผลก็เลยจะแย่ทั้งขึ้นทั้งล่อง เพราะกองหนุนหาย-กองเชียร์ใหม่ไม่มี สุดท้าย ม็อบจะไม่สามารถยืนระยะยาวได้ยาว จนฝ่อไปเองเหมือนม็อบสามนิ้วเมื่อปลายปีที่แล้ว  

ปัญหาเหล่านี้ มีข่าวว่า ระดับแกนนำม็อบที่อยู่ในขบวนการเคลื่อนไหวทำม็อบเวลานี้ ต่างเห็นถึงปัญหาเรื่องนี้ดี และมีข่าวว่า ในรอบสัปดาห์นี้ แกนนำหลายกลุ่ม มีการนัดพูดคุยกำหนดท่าที การเคลื่อนไหวต่อจากนี้ ว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร 

โดยมีกระแสข่าวว่า แกนนำม็อบบางส่วนเห็นตรงกัน ในเบื้องต้น ว่าช่วงสิงหาคม-ตุลาคม ต้องวางแผนจัดเคลื่อนไหวการเมืองอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงช่วงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงต้นกันยายน  รวมถึงต้องจัดกิจกรรมให้ไปถึงช่วงตุลาคม ที่เป็นเดือนที่มีวันสำคัญ ที่มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายวัน โดยเฉพาะวันที่ 14 ต.ค. ที่จะครบรอบหนึ่งปีของการชุมนุมใหญ่ของม็อบสามนิ้ว เมื่อปีที่แล้วที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและหน้าทำเนียบรัฐบาล แต่ระหว่างนี้ ก็จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องไปก่อน เพื่อโหมโรงสร้างกระแส ปลุกแนวร่วมไปเรื่อยๆ เพื่อรอวันที่เห็นว่าพีคที่สุด ก็จะนัดชุมนุมใหญ่ต่อไป 

ซึ่งนัดหมายชุมนุมการเมืองของกลุ่มต่างๆ หลังจากนี้ พบว่า นอกเหนือจาก นัดหมายการชุมนุมวันที่ 10 ส.ค. ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมฯ แล้ว ไฮไลท์ต่อไป ที่น่าสนใจ ก็คือ นัดหมายชุมนุมวันอาทิตย์ที่ 15 ส.ค. 

ที่รอบนี้ “เดอะเต้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.-คนเสื้อแดง” ประกาศตัวเป็นโต้โผนัดชุมนุมเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ด้วยตัวเอง หลังก่อนหน้านี้ เปิดตัวไปร่วมเคลื่อนไหว คาร์ม็อบที่สี่แยกราชประสงค์-ถนนวิภาวดีรังสิตมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ส.ค. 

สำหรับนัดหมาย 15 ส.ค. “ณัฐวุฒิ-แกนนำคนเสื้อแดง” สื่อสารไว้เมื่อ 8 ส.ค. ผ่าน เฟซบุ๊กของตัวเองโดยระบุไว้ตอนหนึ่งว่า 

“ภารกิจต่อไปของเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) เราพร้อมแล้ว เตรียมพบกับ CAR MOB + HYDE PARK “CAR PARK” พร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ 15 สิงหาคมนี้ ยกระดับการปราศรัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย เคลื่อนขบวน หยุดขบวน และแสดงพลังเป็นหนึ่งเดียว เสียงไล่ประยุทธ์จะเลื่อนลั่นสะท้านแผ่นดิน สันติวิธี สีสันฉูดฉาด สาระบาดหัวใจ ประสานพลังไปกับนักสู้รุ่นใหม่ โปรดติดตามตอนต่อไป ให้มันจบที่รุ่นมัน”

จากการข่าวที่ทีมงานเช็คมา พบว่า ณัฐวุฒิ มีแผนงาน รูปแบบการเคลื่อนไหวในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ไว้แล้วคร่าวๆ  ทั้งเรื่องสถานที่-เวลานัดหมายทำกิจกรรม และขณะนี้ อยู่ระหว่างการประสานไปยังแนวร่วมกลุ่มต่างๆ เช่น สมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด ที่ริเริ่มทำคาร์ม็อบ -กลุ่มม็อบคณะราษฎร63-แนวร่วมเสื้อแดงที่คุ้นเคยกันในพื้นที่ใกล้เคียงกรุงเทพฯที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มตามมาตรการล็อกดาวน์โควิด เช่น เสื้อแดงนนทบุรี เสื้อแดงปทุมธานี เสื้อแดงสมุทรปราการ  โดย มีข่าวบางกระแสว่า เดอะเต้น มีการประสานขอความเห็นในเรื่องการทำกิจกรรมวันที่ 15 ส.ค.กับหลายกลุ่ม จนได้แนวทางแล้วคร่าวๆ  เพียงแต่เรื่องเวลาและการเตรียมการต่างๆ เช่น จุดนัดหมายทำกิจกรรม ที่จะเป็นจุดใหญ่ในกรุงเทพฯ อยู่ระหว่างการรอหารืออีกครั้งช่วงต้นสัปดาห์นี้ 

คาดว่า การเคลื่อนไหววันที่ 15 ส.ค.  ทาง  ณัฐวุฒิและแกนนำหลัก จะได้ข้อสรุปทั้งหมดภายในไม่เกินคืนวันพุธที่ 11 ส.ค. และน่าจะสื่อสาร แจ้งนัดหมายการทำกิจกรรมได้ ในช่วงไม่เกินวันศุกร์ที่ 13 ส.ค. 

ทั้งนี้ หากเพ่งมองการเคลื่อนไหวของ ณัฐวุฒิ ในช่วงนี้ จะพบว่า ณัฐวุฒิ พยายามจะสื่อสาร ปลุกเร้าคนเสื้อแดง ที่แน่นอนว่าคือกลุ่มคนที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลและพลเอกประยุทธ์ ให้คัมแบ็คอีกรอบ  ที่ก็อาจเป็นเพราะ ณัฐวุฒิ มองว่า เมื่อช่วงหลังการชุมนุมของม็อบสามนิ้ว พบว่า แนวร่วมนักศึกษา-คนรุ่นใหม่ ไม่ค่อยออกมาร่วมด้วยมากเหมือนเดิม ดังนั้น การพยายามดึงคนเสื้อแดง ที่ณัฐวุฒิ เชื่อว่า ยังมีอีกจำนวนไม่น้อย ให้กลับมารวมตัวอีกครั้ง จึงน่าจะเป็นการระดมคนออกมาได้เร็วที่สุด  เพราะคนกลุ่มนี้น่าจะอึดมากกว่ากลุ่มนักศึกษาในภารกิจกดดันรัฐบาล ที่้ต้องสู้กันยาว 

“ผมต้องการบอกคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินว่าถึงเวลาที่ออกมายืนเคียงข้างกันอีกครั้ง และทำภารกิจลุล่วง สร้างประชาธิปไตยขึ้นมาในบ้านเมือง(ณัฐวุฒิ ปราศรัยกิจกรรมคาร์ม็อบ-1ส.ค.) 

เมื่อวันนี้ ม็อบไล่รัฐบาล-กดดันบิ๊กตู่ มีนักการเมือง -แกนนำม็อบมืออาชีพที่มีประสบการณ์โชกโชน  อย่างเดอะเต้น ลงมาเล่นบทบาทเป็นแกนนำอีกครั้ง แม้อาจจะยังไม่ถึงกับล้มรัฐบาลได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่การออกมาของ ณัฐวุฒิ ย่อมสร้างความกังวลใจให้พลเอกประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐแน่นอน 

ยิ่งเมื่อ เดอะเต้น ในทางการเมือง “ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว” ดังนั้น จึงลุยได้เต็มที่  

เหตุเพราะตอนนี้ ณัฐวุฒิ ยังติดโทษแบนเล่นการเมืองไม่ได้ เพราะมีชนักติดหลังจากคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์เมื่อปี 50 ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่ต่อมาได้รับการพักโทษ จนได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 18 ธ.ค. 63 แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน บัญญัติให้คนที่เคยรับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้งให้ถือว่า ขาดคุณสมบัติการลงสมัครส.ส. และรวมถึงการรับตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย 

ประเด็น เรื่อง ณัฐวุฒิ ออกมาสู้เพื่อขับไล่รัฐบาล แล้วตัวเองจะได้ประโยชน์-ตำแหน่งทางการเมือง หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงถูกตัดออกไป

เช่นเดียวกันกับกรณี  หากมีการยุบสภาฯ ในช่วงนี้ จริงๆ ก็ไม่เป็นผลดี ต่อ พรรค “เส้นทางใหม่” ที่ ณัฐวุฒิ ไปร่วมวางแผนก่อตั้งพรรคกับ จาตุรนต์ ฉายแสง และกลุ่มอดีตนักการเมืองพรรคไทยรักษาชาติเดิม เพราะข่าวว่า พรรคเส้นทางใหม่ ถึงตอนนี้ ยังเป็นวุ้น ไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่าง ดังนั้น หากยุบสภาเลือกตั้งตอนนี้ พรรคเส้นทางใหม่ ที่ข่าวว่า ณัฐวุฒิ ที่แม้จะเล่นการเมืองไม่ได้แต่ก็จะส่งคนใกล้ชิดไปอยู่ในพรรคหลายคน สุดท้ายพรรคเส้นทางใหม่ อาจเตรียมการเข้าสู่การเลือกตั้งไม่ทัน  จนทำให้ แผนงานการเมืองที่ ณัฐวุฒิ วางไว้ อาจพลาดเป้าได้ 

การกลับมาเล่นบทบาท ผู้นำม็อบ ของ เดอะเต้น จึงน่าจะเป็นเรื่องของ สถานการณ์พาไป ในจังหวะที่ พลเอกประยุทธ์และเครือข่ายอำนาจ 3 ป. กำลังมีปัญหาเรื่องกระแสนิยม หากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ไม่เร่งโหมกดดันให้หนักช่วงนี้ ก็ยากจะล้ม พลเอกประยุทธ์ได้แล้ว 

ยิ่งเมื่อการเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว ถึงทางตัน แกนนำหลายคนมีชนักติดหลัง ทำให้เคลื่อนไหวยาก เพราะเสี่ยงถูกถอนประกัน อีกทั้งหากปล่อยให้ม็อบรีเด็มเคลื่อนไหวแบบรุนแรงต่อไป ก็ยิ่งทำให้ ม็อบไล่รัฐบาลหมดความชอบธรรม 

สถานการณ์ทั้งหมด ล้วนเข้าทาง ให้  ณัฐวุฒิ โดดเข้ามา เป็นหัวหอกนำทัพม็อบแบบเต็มตัว ส่วนจะกดดันจน พลเอกประยุทธ์ ลาออก ได้หรือไม่ รอดูกัน แม้คนจะมองว่า น่าจะยากก็ตาม 

แสดงความเห็น