หลังเข้าสู่เดือนสิงหาคม นับจากนี้อีกสองเดือน ก็จะสิ้นสุดเดือนกันยายน ที่เป็นวงรอบของปฏิทินปีงบประมาณ ที่จะสิ้นสุด 30 ก.ย.
ทำให้ช่วงสิงหาคม-กันยายน จึงเป็นช่วง “ฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้าย-สับเปลี่ยนตำแหน่ง” ของข้าราชการทุกหน่วยงานทั่วประเทศ โดยเฉพาะพวกข้าราชการระดับสูง บิ๊กๆ ทั้งหลายที่ต้องการตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น ได้โยกย้ายไปอยู่ในเก้าอี้ที่ดีกว่าเดิม มีอำนาจมากกว่าเดิม ช่วงสองเดือนต่อจากนี้ จึงเป็นช่วงที่บิ๊กๆ ข้าราชการ ต้องใช้ทั้งกำลังภายนอก-กำลังภายใน เพื่อให้ตัวเองสมหวัง ทำให้สองเดือนต่อจากนี้ หลายหน่วยงานราชการ จึงอยู่ในช่วง “ฝุ่นตลบ” เพราะหากใครออกสตาร์ทช้า ก็มีสิทธิ์วืดตำแหน่งที่ตัวเองต้องการได้
ที่น่าสนใจก็คือ ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ที่ตกเป็นข่าวถูกจับตามองและถูกพูดถึงมากที่สุด ก็คือ “ปลัดกระทรวงมหาดไทย” คนใหม่ ที่จะมาแทน “ปลัดฉิ่ง ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทวงคลองหลอด” คนปัจจุบันที่จะพ้นจากตำแหน่งสิ้นเดือนกันยายนนี้
โดยข่าวหลายกระแสยืนยันตรงกันว่า การแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยรอบนี้ เข้มข้น-ดุเดือดมากที่สุดครั้งหนึ่ง หลังที่ผ่านมา การตั้งปลัดฯมหาดไทยช่วงหลังไม่ค่อยเป็นข่าวอะไรหวือหวามากนัก แต่ปีนี้ พบว่าแค่กลางเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ข่าวการตั้งปลัดมหาดไทย เริ่มปรากฏออกมาให้เห็นร่องรอย “ฝุ่นตลบ” การช่วงชิงตำแหน่ง ระหว่างแคนดิเดต ทั้งคนในกระทรวงและคนนอกกระทรวง
จนมีกระแสข่าว คนที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งปลัดก.มหาดไทยรอบนี้ มีการใช้กำลังภายใน ทั้งภายในและภายนอก กระทรวงมหาดไทย เพื่อดันใครบางคน ขึ้นเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่ จนเกิดกระแสข่าวต่างๆ ตามมามากมาย เช่น แรงต้านจากข้าราชการกระทรวงมหาดไทย-นักปกครองทั่วประเทศ หลังมีข่าวว่า ปลัดฉิ่ง-ฉัตรชัย จับมือกับ “มท.1 บิ๊กป๊อก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย” เห็นชอบร่วมกันที่จะดัน “จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)” สิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ น้องรักปลัดฉิ่ง ย้ายข้ามห้วยมารับตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมีข่าวนี้ออกมาร่วมสามสัปดาห์แล้ว
ซึ่งบิ๊กคลองหลอด หลายคนโดยเฉพาะสายสิงห์ดำ ส่งผ่านข้อมูลมายังทีมข่าวเรา โดยต่างยืนยันตรงกันว่า ข่าวลือการตั้งปลัดมหาดไทยแบบข้ามห้วย เป็น “ข่าวจริง” ไม่ใช่ “ข่าวลือ” เพียงแต่ข่าวรั่วออกมาก่อน ที่ “บิ๊กป๊อก-ปลัดฉิ่ง” ชงชื่อเข้าครม. เลยทำให้ มีการแตะเบรกไว้ก่อนเมื่อช่วงสามสัปดาห์ที่แล้ว จากนั้น ก็มีความพยายามจะนำชื่อ จตุพร เข้าครม.ให้เห็นชอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังไม่ลงตัว เลยต้องเลื่อนออกไปก่อน
ท่ามกลางข่าวว่า พลเอกอนุพงษ์-ฉัตรชัย ทั้งสองคน คุยกับทั้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ-วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยฯ แล้ว โดยตอนแรก พลเอกประยุทธ์ ดูจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับการตั้งปลัดมหาดไทยแบบเอาคนนอกเหาะข้ามห้วยมา แต่มีกระแสข่าวบางกระแสอ้างว่า ทางพลเอกอนุพงษ์-ปลัดฉิ่ง คุยอธิบายเหตุผลต่างๆ ถึงการสนับสนุน จตุพร ข้ามห้วยมาเป็นปลัดมหาดไทยกับนายกฯแล้ว จนพลเอกประยุทธ์เริ่มคล้อยตาม
นอกจากนี้ ฝ่ายสนับสนุนการย้ายข้ามห้วย ยังให้ข่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ ชอบสไตล์การทำงานของ ปลัดจตุพร อยู่แล้ว เช่นผลงานล่าสุดในฐานะปลัดทส.ที่มีส่วนร่วมในการผลักดัน ทำให้คณะกรรมการมรดกโลก มีมติรับรอง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
จนมีกระแสข่าวว่า ระยะหลัง พลเอกประยุทธ์ เลยเห็นว่า หากทั้งพลเอกอนุพงษ์-ปลัดฉิ่ง-วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพย์ฯ คุยกันลงตัวแล้ว ก็ไม่ขัดข้อง ไม่อยากไปล้วงลูก แต่ขอให้ไปเคลียร์กับข้าราชการในมหาดไทยให้เรียบร้อยเพื่อจะได้ไม่เกิดแรงต้าน เพราะนายกฯ เห็นว่า ยังคงมีข่าวผ่านสื่ออกมาเรื่อยๆ ว่า ข้าราชการมหาดไทย ไม่พอใจหากจะมีการย้ายข้ามห้วยของจตุพร มานั่งเป็นปลัดมหาดไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ไม่ค่อยสบายใจ
โดยข่าวที่ทีมข่าวเราได้ยินมาก็คือ จนถึงขณะนี้ แรงต้าน จตุพร จะข้ามห้วยมาเป็นปลัดมหาดไทย จากคนในกระทรวงมหาดไทย ยังคงมีอยู่ โดยเรื่องนี้ ทำให้ จตุพร-ปลัดทส. ก็ไม่สบายใจเพราะเกรงว่า หากย้ายไปเป็นปลัดมหาดไทย แม้จะเป็นการกลับคืนถิ่นเดิม ตั้งแต่ยังเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในกรมการปกครอง -กระทรวงมหาดไทย แต่ถ้าย้ายไปแล้ว และไปทำให้ แคนดิเดตคนอื่นที่เป็นลูกหม้อกระทรวงมหาดไทยที่ก็หวังจะได้เป็นปลัดมหาดไทยรอบนี้ แต่ไม่ได้ตำแหน่ง ก็อาจทำให้ มีแรงต้าน ไม่ได้รับความร่วมมือในการทำงานจากคนในกระทรวง เลยมีข่าวว่า ช่วงหลัง จตุพร ชักไม่ค่อยอยากย้ายไปแล้ว จน จตุพร ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่า เรื่องจะย้ายไปเป็นปลัดมหาดไทย เป็นแค่ข่าวลือ ยังต้องการทำงานเป็นปลัดทส.ต่อไป เหมือนกับเป็นการส่งสัญญาณยอมถอยเสียแล้ว
เพราะอย่าง “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน” ที่อาวุโสสูงสุดในบรรดาข้าราชการซี 10 ของกระทรวงมหาดไทยในเวลานี้ และเป็นเต็งสอง แคนดิเดต ชิงปลัดมหาดไทย กับ จตุพร เพราะจริงๆ แล้ว สุทธิพงษ์ ก็คือเพื่อนร่วมรุ่นสิงห์ดำ กับจตุพร นั่นเอง แถมมีอายุราชการเหลือสามปีด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งหมายถึงว่า หากจตุพร ไปเป็นปลัดมหาดไทย แล้วการเมืองไม่มีการเปลี่ยนขั้ว จตุพร นั่งเป็นปลัดมหาดไทยสามปี ก็จะทำให้ สุทธิพงษ์ ไม่สามารถขึ้นเป็นปลัดมหาดไทยได้เลย
อาจเพราะด้วยเหตุทำนองนี้ เลยทำให้ มีข่าวว่า จตุพร ก็เกรงใจ สุทธิพงษ์ ไม่ใช่น้อย ถ้าต้องไปนั่งเป็นปลัดมหาดไทย โดยมีสุทธิพงษ์ มาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา มันก็เลยทำให้มีกระแสข่าวว่า ฝ่ายการเมืองในรัฐบาล เลยคิดใช้วิธีจะให้ สุทธิพงษ์ ย้ายข้ามห้วยไปนั่งเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน เพื่อปลอบใจ สุทธิพงษ์
ซึ่งแหล่งข่าวในกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่า เป็นกระแสข่าวที่มีความเป็นไปได้เกิน 50 เปอร์เซนต์ เพราะฝ่ายการเมืองในพลังประชารัฐ มีแนวคิดดังกล่าวจริง แต่ยังไม่ลงตัว เพราะนายกรัฐมนตรี ยังไม่เห็นชอบ อีกทั้งตัว สุทธิพงษ์ ก็ดูจะไม่เต็มใจจะย้ายออกไปจากกระทรวงมหาดไทย และเจ้าตัว ก็ดูเหมือนจะยังหวังลุ้นเก้าอี้ปลัดมหาดไทยในช่วงโค้งสุดท้ายอยู่
พอเงื่อนไขต่างๆ ไม่ลงตัว เลยทำให้ การตั้งปลัดมหาดไทยคนใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เลยยังไม่คลอดออกมาเสียที และพบว่า ยิ่งการตั้งปลัดมหาดไทย ยืดเยื้อออกไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นร่องรอย ฝุ่นตลบในกระทรวงคลองหลอด มากขึ้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว แคนดิเดตที่เป็นคนในกระทรวงมหาดไทย ที่มีหวังได้ลุ้นเก้าอี้ปลัดมหาดไทย ไม่ใช่มีแค่ สุทธิพงษ์ คนเดียวแต่ยังมีบิ๊กมหาดไทย ที่ก็มีโอกาสเช่นกันอีก 2-3 คน แม้ระยะหลังชื่อจะหลุดจากวงโคจรไปแล้ว แต่ของแบบนี้มันก็ไม่แน่ อาจมีโผพลิกก็ได้ เมื่อชื่อยังไม่เคาะออกมาจากที่ประชุมครม.มันก็เลยทำให้ ยังฝุ่นตลบกันอยู่
อย่างเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีกระแสข่าว ความพยายามดิสเครดิต แคนดิเดต ปลัดมหาดไทยบางคน โดยการนำเรื่อง การทำธุรกิจของคนใกล้ชิดขึ้นมาเป็นประเด็นในช่วงนี้
เพียงเท่านี้ ย่อมเห็นชัดแล้วว่า การตั้งปลัดมหาดไทยปีนี้มีการใช้ทั้งกำลังภายใน-ภายนอก-ใต้ดิน-บนดิน ของคนหลายกลุ่มที่อยู่ในแผงวงจรอำนาจในการชิงเก้าอี้ปลัดมหาดไทย ที่ยังคงเคลื่อนไหวกันอยู่ มันเลยส่งผลให้ การตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยรอบนี้ ร้อนระอุมากที่สุดครั้งหนึ่งและมีโอกาสที่โผจะพลิกไปพลิกมาได้ตลอด จนกว่า ชื่อจะคลอดออกมาจากมติครม.
ท่ามกลางข่าวว่า ปลัดฉิ่ง-ฉัตรชัย มีชื่อ ปลัดมหาดไทยคนใหม่ อยู่ในใจแล้ว และเจ้าตัว ยืนยันจะดันชื่อคนนั้นให้ได้เป็นปลัดมหาดไทยให้จงได้ ขณะเดียวกัน ปลัดฉิ่ง ที่ตอนนี้อยู่ในช่วงนับถอยหลังเตรียมอำลาตำแหน่งปลัดมหาดไทย ก็มีข่าวลือออกมาตลอดว่า เตรียมตัวพร้อมแล้ว กับการเข้าสู่ถนนการเมือง หลังเกษียณ หลังมีข่าวว่าคนในเครือข่าย ไปดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเดิมทีมีข่าวว่า คือพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ตอนหลังกลายเป็นว่า เป็นพรรคชื่อ เศรษฐกิจไทย ที่ถูกมองว่าเชื่อมโยง เป็นพรรคเครือข่ายของ 3 ป.และพลังประชารัฐ กระนั้นก็ตามที เรื่องชื่อพรรค ยังไม่สำคัญอะไร เพราะสามารถไปเปลี่ยนทีหลังได้ แต่ที่น่าจับตามากกว่าคือ “แบ็คอัพ-นายทุน-ขุมข่ายการเมือง” ที่จะมาร่วมงานกับ ปลัดฉิ่ง ที่ข่าวว่า ชื่อชั้นไม่ธรรมดาเพียงแต่ ชื่อที่เป็นระดับ “บิ๊กเนม” ที่จะเรียกเสียงฮือฮา จะคอยแบ็คอัพอยู่ข้างหลังเท่านั้น ไม่ออกหน้า
โดยหากการเมืองไม่มีอะไรพลิกผัน ไม่มีการเลือกตั้งก่อนกำหนด พรรคการเมืองใหม่ดังกล่าว ข่าวว่าน่าจะเริ่มขยับและเปิดตัวได้ในช่วงปลายปีนี้
แสดงความเห็น
