ศบค.เผยทีม CCRT 169 ทีม เตรียมลงพื้นที่ชุมชน 69 แห่ง ค้นหาผู้ป่วยเข้าสู่ระบบ

ศบค.เผยทีม CCRT 169 ทีม เตรียมลงพื้นที่ชุมชน 69 แห่ง ค้นหาผู้ป่วยเข้าสู่ระบบ ย้ำร้านเสริมสวยในห้างในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดต้องปิด ส่วนพื้นที่อื่นให้อำนาจคณะกรรมการโรคติดต่อตัดสิน

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ระบุว่า ขณะนี้ทุกจังหวัดมีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น โดยพบว่านอกจาก 10 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเข้มงวด ยังพบอีก 6 จังหวัดที่เข้าข่าย โดยพบผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 100 คน ซึ่งพบจากการสังสรรค์ การร่วมกลุ่ม ดังนั้นขอให้จังหวัดดังกล่าวเฝ้าระวัง แม้ขณะนี้ยังไม่ได้จัดอยู่ที่พื้นที่สีแดงเข้มก็ตาม แต่ตอนนี้มีคนเดินทางจาก กทม.กลับภูมิลำเนามากขึ้น

ขณะที่ กรุงเทพมหานครรายงานคลัสเตอร์เฝ้าระวัง 130 แห่ง และวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.) ทีมเคลื่อนที่เร็วค้นหาเชิงรุก (CCRT) 169 ทีมจะลงพื้นที่ ระดมลงพื้นที่ 69 ชุมชน และมีเป้าหมายให้ครบ 200 ชุมชน กำหนดเป้าหมายดำเนินการในวันที่ 15-17 กรกฎาคมนี้ ซึ่งทีมนี้จะเร่งระดมค้นหาผู้ป่วยในชุมชน เพื่อแยกกัก และจะมีการตรวจโดยใช้ Antigen test kit เพื่อตรวจหาเชื้อรวดเร็ว หากพบผลบวกจะเข้าระบบการรักษาอย่างรวดเร็ว แต่หากพบผลตรวจเป็นลบ จากชุดตรวจที่อาจมีความแม่นยำต่ำ ดังนั้นควรต้องตรวจซ้ำใน 3-5 วัน

พญ.อภิสมัย ยังชี้แจงการยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ใน 6 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่กำหนดเวลาการเปิด-ปิดกิจการ โดยร้านในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เช่น ร้านหนังสือ ร้านแว่นตา เครื่องใช้ไฟฟ้า สถานเสริมความงาม ทั้งร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านทำเล็บ จะต้องปิดกิจการ

“คำแนะนำของกรมควบคุมโรค คือห้างสรรพสินค้ามักจะเกิดการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก จึงแนะนำให้ปิดกิจการ แต่ร้านค้าที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้า ให้อยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อของแต่ละจังหวัด ซึ่งโดยหลักการจังหวัดอาจเปิดให้บริการได้” พญ.อภิสมัย กล่าว

แสดงความเห็น