เริ่มต้นไม่ดี แต่…ยังมีทาง เป็นไปได้

DST.Special Report :  ก่อนระฆังเอฟเอซี แชมเปียนส์ลีก ยุคโควิด-19 จะดังขึ้น ‘สิงห์เจ้าท่า’ การท่าเรือ เอฟซี ถูกมองว่า มีโอกาสจะเข้ารอบได้ไม่ยาก เพราะคู่แข่งร่วมกรุ๊ป ไม่ได้แข็งโป๊กเมื่อเทียบกับกรุ๊ปอื่นๆ ที่มีตัวแทนทีมชาติไทยอย่างบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เชียงราย ยูไนเต็ด และราชบุรี เอฟซี ต้องเผชิญ 

ทีมที่ดูจะหินผาสุดของกรุ๊ปท่าเรือคือ ‘เซโรโซ โอซาก้า’ จากเจลีก ขณะที่ ‘คิตฉี’ จากฮ่องกงนั้น ว่าด้วยขุมกำลัง เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์แล้ว ‘สิงห์เจ้าท่า’ ดูจะเหนือกว่า 

ส่วน กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ยอดทีมจากแดนมังกรนั้น แม้ชื่อชั่นจะเหนือกว่าทุกทีมในกรุ๊ป แต่ไม่ได้เหล็กกล้าขนาดนั้น เพราะพวกเขาตัดสินใจส่งผู้เล่นและโค้ชเยาวชนบินมากรำศึก เพื่อให้ทีมชุดใหญ่ของ ฟาบิโอ คันนาวาโร ได้มีเวลาบู๊ในไชนิสลีกอย่างเต็มที่ 

ทว่า นัดแรก ‘สิงห์เจ้าท่า’ กลับทำแต้มหลุดมือ หลังพ่ายแพ้ให้คิตฉีไป 1-0 และนั่นทำให้สึนามิขนาดหลายริกเตอร์โถมซัดใส่ผู้ชายที่ชื่อ ‘โค้ชอู๊ด’ สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ที่มักเป็นตำบลกระสุนตกทุกครั้งเวลาที่ทีมเผชิญหายนะ ในฐานะผู้วางหมากกล 

ความพ่ายแพ้ต่อคิตฉี ยังนำไปสู่จุดวิพากษ์วิจารณ์ฝีมือและกึ๋นของ ‘โค้ชอู๊ด’ อีกครั้ง ตลอดจนเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คตัวโตถึงผู้บริหารว่า เหตุใดจึงเลือกใช้บริการและไว้วางใจผู้ชายคนนี้อยู่ 

ในเกมวันอาทิตย์ ‘สิงห์เจ้าท่า’ ลงเล่นกับกว่างโจว ท่ามกลางเสียงกร่นด่าของแฟนบอลที่ยังเดือดดาลและอารมณ์ค้างจากเกมก่อน ทว่า พวกเขากลับโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเอาชนะทีมดังจากจีนไป 3-0 ต่อลมหายใจให้กับนักเลงคลองเตยในเวทีนี้ 

แม้จะไม่มีคำชมจากแฟนบอล แต่เสียงติติงในตัว ‘โค้ชอู๊ด’ น้อยลงกว่าเกมแรก อันมีเหตุมาจากการจัดตัวผู้เล่นที่ผู้ชมมองว่า ถูกฝา ถูกตัว ถูกตำแหน่ง มากขึ้น

อาจมีบางคนที่ค่อนแคะพวกเขา ประหนึ่งว่าภูมิใจอะไรกับการชนะเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจากกว่างโจ่ว แต่อย่าลืมว่า นี่คือ 3 แต้มในประวัติศาสตร์ของสโมสรสำหรับเวทีนี้ 

หากไม่เห็นว่า มันเป็นผลงานอุกอาจ แต่ก็ไม่ควรติเรือทั้งโกรน อย่างน้อยหากมองว่า นักเตะกว่างโจวคือ เยาวชน ชัยชนะที่เกิดขึ้น ของ  ‘สิงห์เจ้าท่า’ ย่อมหมายถึง ‘เสมอตัว’ ไม่ได้ล้มเหลวหรือพลาดเป้า 

ขณะเดียวกัน แม้ ‘สิงห์เจ้าท่า’ จะแพ้ ‘คิตฉี’ ในเกมแรก แต่เรายังมีโอกาสล้างตากับพวกเขาอีก 1 นัด เพื่อเอาแต้มคืน ซึ่ง ‘โค้ชอู๊ด’ และนักเตะน่าจะเห็นข้อผิดพลาดอะไรพอสมควรจากนัดประเดิมสนาม 

ตัวแปรสำคัญคือ นัดกับยอดทีมจากญี่ปุ่นอย่าง ‘เซเรโซ โอซาก้า’ ต่างหาก เพราะนี่คื เกมที่วัดกึ๋นของ ‘โค้ชอู๊ด’ อย่างแท้จริง ว่า ดีพอที่จะทำทีมการท่าเรือ เอฟซีต่อหรือไม่ 

2 นัด กับเซเรโซ โอซาก้า ‘การท่าเรือ’ จะชนะ หรือแบ่งแต้ม พวกเขามาได้หรือไม่ หากสามารถทำได้ ประกอบการล้างแค้นคิตฉี กับฝังแค้นเยาวชนกว่างโจว ในนัดที่เหลือ ทีมจากคลองเตยมีโอกาสสูงที่จะอยู่ในเส้นทาง 

แต่หากไม่เป็นอย่างที่คิด ทุกอย่างตาลปัตรไปจากที่คาดหวัง กระทั่งลงเอยด้วยความล้มเหลวแบบหมดรูป เชื่อเถอะว่า ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ บิ๊กบอสสิงห์เจ้าท่า คิดไว้ในใจแล้วว่า ต้องทำอย่างไร. 

___________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย 
ขอบคุณภาพ : การท่าเรือ เอฟซี Port FC

แสดงความเห็น