ภท. ยัน เดินหน้าดันหลักประกันรายได้พื้นฐานทั่วหน้า-ปิดสวิตช์ ส.ว.ให้สังคมเป็นผู้ตัดสิน

นายภราดร ปริศนานันทกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึง มติในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาในการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ผ่าน ว่าที่ประชุมมีมติรับหลักการในวาระที่ 1 เพียงร่างร่างเดียวคือร่างที่ 13 ที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการแก้ไขบัตรเลือกตั้งให้เป็นแบบสองใบ และในส่วนร่างแก้ไขของพรรคภูมิใจไทยที่เสนอให้เรื่องหลักประกันรายได้พื้นฐานทั่วหน้า ไม่ผ่านการรับหลักการในที่ประชุมนั้น ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพื่อนสมาชิกรัฐสภาที่ช่วยลงมติสนับสนุนให้กับร่างแก้ไขของพรรคภูมิใจไทย ถึงแม้ว่าการเพิ่มหลักประกันรายได้พื้นฐานทั่วหน้า ยังไม่ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญ ทางพรรคภูมิใจไทยจะยังเดินหน้าขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวต่อไป โดยเบื้องต้นในสัปดาห์หน้าจะจัด Workshop โดยเชิญผู้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสวัสดิการ และนักวิชาการ และ นักการเงินการคลังมาร่วม Workshop และเสวนาร่วมกัน  

นายภราดร ยังกล่าวถึง การปิดสวิตช์ ส.ว.ในมาตรา 272 ที่ไม่ผ่านมติในที่ประชุมร่วมรัฐสภาว่า ก่อนหน้าที่พรรคภูมิใจไทยได้แสดงจุดยืนถึงอำนาจที่ไม่พึงมีนี้ของวุฒิสภาตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงยังคงยืนยันในจุดยืนเดิมว่าวุฒิสภาไม่ควรเข้ามามีส่วนร่วมในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมาก็ล้วนแล้วแต่ไม่เคยมีบทบัญญัติหลักในการให้อำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ มีเพียงรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 นี้เท่านั้นที่มีบทเฉพาะกาลกำหนดให้วุฒิสภาเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรีใน 5 ปีแรก ซึ่งขณะนี้ก็ผ่านมากว่า 3 ปีแล้วคิดว่า ส.ว.น่าจะควรเพียงพอกับช่วงเปลี่ยนผ่านต่างๆได้แล้วที่ได้อ้างมาจากรัฐธรรมนูญ ส.ว.ควรที่จะคืนอำนาจให้กับประชาชนได้มีโอกาสเลือกนายกรัฐมนตรีของตนเองโดยผ่านพรรคการเมือง และผ่านทางนโยบายของพรรค  

ทั้งนี้จากการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าทางสภาผู้แทนราษฎรมีความเห็นพ้องต้องกันในการปิดสวิตช์ ส.ว.แต่ทางวุฒิสภานั้นไม่เห็นด้วยกับการตัดอำนาจของตนเอง จึงเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับสังคมว่าพิจารณาตัดสินใจต่อไปอย่างไร 

แสดงความเห็น