‘ช้างศึก’ กลับสู่ช่วงวิกฤติศรัทธา (อีกครั้ง)

DST.Special Report : ถึงตรงนี้สามารถพูดได้เต็มคำว่า ฟุตบอลทีมชาติไทย ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก หลังเก็บได้เพียง 1 คะแนน จาก 4 นัดล่าสุด 

ขณะเดียวกัน ยังต้องเดินทางกลับบ้านในฐานะอันดับ 4 ของกลุ่ม แถมมีคะแนนตามหลังเพื่อนบ้านย่านอาเซียนอย่างเวียดนามและมาเลเซีย ทั้งที่ระดับฟุตบอลใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้ ยังมีการรวบรวมสถิติของ ‘อากิระ นิชิโนะ’ ตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ควาญของ ‘ช้างศึก’ พบว่า ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเช่นเดียวกัน

10 นัดหลังสุดของกุนซือชาวซามูไร แพ้ถึง 5 นัด เสมอ 4 นัด และสามารถคว้าชัยได้เพียงเกมเดียวคือ แมตซ์เปิดบ้านเฉือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562

แม้การตกรอบฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเร็วกว่าที่ควรจะเป็นได้สร้างความชอกช้ำให้กับแฟนบอลทีมชาติไทย แต่มันยังไม่สาหัสเท่ากับฟอร์มการเล่นที่ออกมา

ความสะบักสะบอมของทัพช้างศึกในทัวร์นาเมนต์นี้ ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ขณะนี้ฟุตบอลทีมชาติไทยได้เดินกลับสู่วังวนของวิกฤติศรัทธาอีกครั้ง

ทีมชาติไทยเคยเผชิญสถานการณ์แบบนี้มาแล้วในหลายปีก่อน จากความล้มเหลวในหลายๆ ทัวร์มาเมนต์แบบซ้ำไปวนมา แม้แต่รายการในอาเซียนเอง ชนิดว่า มองอัฒจันทร์ไป พบแต่ความโหรงเหรงของแฟนบอล มีแค่เพียง “ขาประจำ” ที่ยังหนักแน่นพอจะไปยืนเชียร์ข้างสนาม

เราใช้เวลากอบกู้กันนานหลายปี กระทั่งแฟนบอลกลับมาเต็มอัฒจันทร์อีกครั้งในยุคที่หันกลับมาใช้ช้างศึกปลุกช้างศึก แต่งตั้ง ‘ซิโก้’ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นเฮดโค้ช ค่อยๆ ทวงคืนวันวานทีละนิดๆ เริ่มด้วยการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ แชมป์ซูซูกิ คัพ และการผ่านเข้ารอบลึกๆ ในรายการระดับเอเชีย

ต้องบอกว่า ช่วงนั้นเป็นเวลาที่ทีมชาติไทย ‘ติดลมบน’ ก่อนจะค่อยๆ เข้าดาวน์ลงทีละนิด แต่ไม่ถึงกับวิกฤติมาก จนกระทั่งมีการพูดกันว่า เราต้องก้าวข้ามอาเซียนไปสู่ระดับเอเชียเสียที 

‘บิ๊กอ๊อด’ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมลูกหนังของไทย ก็คิดไว้เช่นนั้น หลังจากแยกทางกับ ‘ซิโก้’ แล้ว ก็ไปคว้าตัว ‘มิโลวาน ราเยวัช’ กุนซือชาวเซอร์เบีย ผู้พกดีกรีพาทีมชาติกานาไปเล่นฟุตบอลโลก 2010 เข้ามาคุมทัพ เพื่อหวังยกระดับช้างศึกให้ทะลุเพดานอาเซียน

การเริ่มต้นของ ‘ราเยวัช’ ดูเหมือนจะดี มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างออกจากไป ‘ซิโก้’ แต่เขาก็ไม่สามารถคว้าโทรฟี่ใดๆ ให้กับทัพช้างศึกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นระดับอาเซียน หรือเอเชีย ก่อนจะแยกทางกับทีมชาติไทย หลังพาทีมพ่ายอินเดียยับเยิน 1-4 ในรายอาการเอเชียน คัพ 2019

สมาคมลูกหนังยังไม่ถอดใจ พยายามควานหาเฮดโค้ชดีกรีหนา โดยเฉพาะพวกที่มีประสบการณ์พาทีมเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ กระทั่งได้ ‘อากิระ นิชิโนะ’ กุนซือชาวญี่ปุ่น ผู้โชกโชนในรายการระดับเมเจอร์ 

ดวงของแฟนบอลชาวไทยเป็นประกาย เมื่อได้เขาเข้ามาเป็นควาญ เพราะขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่น มักจะนึกภาพเรื่องของระเบียบ วินัย และสไตล์การเล่นเพรสซิ่งของฟุตบอลแดนปลาดิบ

การพาทีมชาติไทย ชนะยูเออี ในสไตล์เพรสซิ่งมันยิ่งทำให้หัวใจแฟนบอลช้างศึกพองโต ทุกคนต่างยกยอเขาเป็นดังแสงสว่างที่เรารอคอย 

แต่ความสุขของแฟนบอลไทยกลับมีอายุขัยที่สั้นนัก เพราะหลังจากนั้นเราต้องเผชิญกับความขื่นขมมาโดยตลอด ทั้งผลการแข่งขัน และรูปแบบการเล่นที่แทบไม่เหลือมาจากนัดยูเออีอีกเลย

มีคำถามเกิดขึ้นมากมายในหัวแฟนบอลว่า ทั้งที่ทีมชาติไทยมีกุนซือโปรไฟล์ยาวเป็นหางว่าว แต่เหตุใดจึงได้ผลลัพธ์ตรงข้ามกันออกมา สุดท้ายแล้วเป็นเพราะโค้ชมือไม่ถึง หรือเป็นที่นักเตะเรากันแน่

ครั้นจะโทษนักเตะ ก็ดูจะย้อนแย้งในใจไปสักนิด เพราะหลายคนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในระดับสโมสร แต่พอเข้าสู่แคมป์ทีมชาติ กลับเล่นเหมือนคนละคน

แล้วสุดท้ายปัญหาของเราคืออะไร? ผู้บริหาร? โค้ช? นักเตะ? ระบบ? เราคงต้องกลับไปคำตอบกันอีกรอบ

แต่ที่แน่ๆ สามารถอนุมานได้ว่า เหตุการณ์นับจากนี้เรากำลังวนลูปเหมือนเมื่อสิบปีก่อนอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นจุดที่มีการเรียกร้องให้ผู้บริหารลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อความตกต่ำ อัฒจันทร์ที่โล่งโจ้ง ซึ่งไม่ได้เป็นเพราะโควิด-19 แต่เป็นเพราะศรัทธาแฟนบอลหรือไม่ 

คำถากถางทีมตัวเองมากกว่ากำลังใจ เหล่านี้มันเริ่มเกิดขึ้นต่อเนื่องและดังขึ้นเรื่อยๆ

บางทีเราอาจต้องกลับมาเริ่มนับหนึ่งอีกครั้งก็ได้.

_____________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ ช้างศึก

แสดงความเห็น