“ก้าวไกล” ย้ำจุดยืนแก้ รธน. เร่ง ทำประชามติจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ที่มาจากประชาชนโดยตรง-ปิดสวิสซ์ ส.ว. มองระบบลต. 40 มีข้อด้อย ทำเสียงประชาชนตกน้ำ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงถึงจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกล โดยเห็นว่า ควรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.ที่มาจากกการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ซึ่งจะเป็นประตูบานแรกที่จะนำไปสู่เป้าหมาย นั่นคือจัดทำประชามติ ขอความเห็นชอบจากประชาชน ซึ่งขณะนี้ พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา ทั้งนี้พรรคก้าวไกล ขอคัดค้านหากประธานรัฐสภา จะเตะถ่วงการพิจารณาร่างประชามติออก แล้วนำวาระร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราตามความต้องการของพรรคพลังประชารัฐมาพิจารณาก่อน ดังนั้นประธานรัฐสภาต้องกำหนดวาระตามปกติพิจารณาตามขั้นตอน

นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกล เห็นว่า การเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคพลังประชารัฐในหลายมาตรานั้นมีความเบี่ยงเบนเป้าหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากการยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช. และยุติการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร แล้วเหมือนเป็นการต่ออายุให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ผ่านการแก้ไขการเลือกตั้งที่ตนเองได้เปรียบทั้งอำนาจรัฐ และอำนาจทุน รวมถึงผ่านการเปิดช่องให้นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลสามารถเข้ามาแทรกแซงได้ง่ายขึ้น และการพยายามเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 หลายมาตราของพรรคพลังประชารัฐนั้น มีแต่จะทำให้เกิดความสับสน และหากแย่กว่านั้น คือช่วยตกแต่งให้รัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช. ดูดีมากขึ้น ช่วยต่ออายุให้ระบอบพล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้ ฉะนั้นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตราในสถานการณ์ปัจจุบัน ควรพุ่งเป้าในชัดไปยังการปลดกลไกสืบทอดอำนาจของ คสช. นอกจากนี้ที่ประชุมของพรรค ยังเห็นชอบให้มีการปิดสวิตช์ ส.ว. ยกเลิกอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีทั้ง 250 คน โดยจะลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมในประเด็นนี้ร่วมกันพรรคร่วมฝ่ายค้าน

ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ส.ส.ของพรรค มีมติไม่ร่วมลงชื่อกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทย ที่เสนอแก้ไข ม.256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการจำกัดอำนาจของ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ห้ามแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 โดยพรรคก้าวไกลยืนยันมาโดยตลอดว่า การถูกตีกรอบ เหมือนเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ผิด จะส่งผลเสียต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในระยะยาว และไม่เคารพต่อเสียงของประชาชน ซึ่งพรรคก้าวไกล เชื่อมั่นว่า เสียงที่มาจากประชาชน มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย ที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญ ใหม่ได้ทุกหมวด

ส่วนเรื่องระบบการเลือกตั้งนั้น พรรคก้าวไกล เห็นว่า หากจะมีการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ต้องมีเป้าหมายในการสร้างระบบที่ดี ไม่ใช่มีเป้าหมายเพียงแสวงหาผลประโยชน์ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ต้องทำให้เสียงทุกเสียงมีความหมาย สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนให้ดีที่สุด รวมถึงต้องส่งเสริมความเข้มแข็งให้พรรคการเมือง สร้างประสิทธิภาพให้รัฐสภา ระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ใช่ระบบที่ดี รวมถึงระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 ก็ยังมีข้อด้อยต้องปรับปรุง เราเห็นว่าระบบที่ดี ควรเป็นระบบจัดสรรผสมที่ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบ่งเป็นเลือก ส.ส.แบ่งเขต 1 ใบ และเลือกพรรคการเมือง 1 ใบ เสียงประชาชนต้องไม่ตกน้ำ และเสียงของประชาชนทุกคนต้องถูกนับ

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล ยังยืนยันว่า ทางออกจากวิกฤตรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน ไม่ใช่การเข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญตามเกมของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อต่ออายุให้พล.อ.ประยุทธ์ แต่ต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดการลงประชามติ ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 รวมทั้งการปิดสวิตซ์ ส.ว. ตัดอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี

นายพิธา ยังขยายความถึงระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ชี้ว่ายังมีข้อด้อย ซึ่งย้ำว่า ไม่ใช่ระบบดังกล่าวทำให้พรรคก้าวไกลเสียเปรียบ แต่เพียงต้องการทำให้ทุกอย่างตอบโจทย์ต่อประชาชนมากที่สุด

แสดงความเห็น