มหาดีลลำพูน ‘ซัวเรส-ซิสโซโก’ กับ ‘ประวัติศาสตร์ที่อยากสร้าง’

DST.Special Report : การเสริมทัพของ ‘ราชันโคขาว’ ลำพูนวอริเออร์ น้องใหม่ป้ายแดงแห่งศึกไทยลีก 2 ไม่ต่างอะไรกับปรากฎการณ์แผ่นดินไหวที่มีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายลูก

ก่อนหน้านี้ หลายคนนั่งหัวเราะที่พวกเขาตกเป็นข่าวพันพันกับอดีตดาวโรจน์จากบาร์เซโลนาและทีมชาติสเปนอย่าง โบยาน เกร์กิซ ว่าเป็นเพียงการสร้างกระแสหรือไม่

แต่แล้ว ‘บอสตาล’ พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก ประธานสโมสร ‘ราชันโคขาว’ กลับทำให้ทุกคนรู้ว่า พวกเขาไม่ได้เอาฮา หลังล่าสุดสามารถปิดดีลแข้งโปรไฟล์หนา ระดับเคยเป็นผู้เล่นตัวหลักในลีกชั้นนำของยุโรปมาได้ถึง 2 รายติดกัน

รายแรกคือ ‘เจฟเฟรน ซัวเรซ’ อดีตกองหน้าของ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก ลา ลีกา สเปน ขณะที่รายล่าสุดคือ ‘อาลี ซิสโซโก’ อดีตแบ็กซ้ายลิเวอร์พูล

‘ซัวเรส’ คือ เมล็ดพันธุ์ที่ถูกฟูมฟักมาจาก ‘ลามาเซีย’ สถาบันปลุกปั้นซูเปอร์สตาร์ประดับวงการฟุตบอลคนแล้วคนเล่า เคยลงเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักเตะระดับเวิล์ดคลาสอย่าง อันเดรส อิเนียสตา ชาบี เอร์นานเดซ และ ลิโอเนล เมสซี

‘ซัวเรส’ ไม่ได้แค่เป็นเด็กปั้นของบาร์ซ่า หากแต่เขาเคยทะยานขึ้นชุดใหญ่มาแล้วหลายเกม ในช่วงระหว่างปี 2008-2011 ก่อนจะชีพจรเท้าไปเล่นให้กับหลายสโมสรในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นสปอร์ติง ลิสบอน ยอดทีมจากโปรตุเกส รีล บายาโดลิด บิ๊กเนมในลีกแผ่นดินแม่

ขณะที่ ‘ซิสโซโก’ แฟนหงส์แดงรู้จักเขาดี สร้างชื่อกับโอลิมปิก ลียง ทีมแชมป์หลายสมัยในลีกเอิง โชว์ฝีเท้ายอดเยี่ยมกับวาเลนเซีย ในลาลีกา สเปน ก่อนที่ลิเวอร์พูล จะดึงมาร่วมทีมในสัญญายืมตัว

หากจะยกให้การเซ็นสัญญากับ 2 ดาวเตะโปรไฟล์หนาเตอะเป็น ‘มหาดีล’ ของลีกพระรองของไม่ผิดนัก เพราะชื่อชั้นทั้ง 2 ราย สามารถวาดลวดลายในไทยลีก 1 ยังได้

แน่นอนว่า การเซ็นสัญญาดาวเตะผู้ผ่านสังเวียนยุโรปมานับไม่ถ้วน ย่อมทำให้ความคาดหวังในการเลื่อนชั้นไปเล่นไทยลีก 1 ของลำพูนวอริเออร์มันเพิ่มมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน

วันนี้จึงขอย้อนดูสถิติการลงเล่นของทั้งคู่ ก่อนจะหันมาโกยเงินที่ดินแดนหริภุญชัยครั้งนี้ว่า เป็นอย่างไร
.
สำหรับ ‘ซัวเรส’ ก่อนย้ายมาอยู่กับ ‘ราชันโคขาว’ สโมสรล่าสุดของเขาคือ Al Dhaid ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี แต่ลงสนามเพียงแค่ 1 นัดเท่านั้น ขณะที่ฤดูกาล 2020-2021 ค้าแข้งให้กับสลาเวน เบลูโป ในโครเอเชีย โดยลงเล่นไป 21 นัด ทำได้ 1 ประตู และ 2 แอสซิสต์ 

ย้อนกลับไปฤดูกาล 2019 ‘ซัวเรส’ ลงเล่นให้กับ เออีเค ลาร์นากา ในไซปรัส โดยลงเล่นไป 14 นัด แต่ไร้ประตูและไร้แอสซิสต์ ส่วนฤดูกาล 2017-2019 อยู่กับ กราสฮอปเปอร์คลับซูริก ในสวิตเซอร์แลนด์ โดย ‘ซัวเรส’ เล่นไปถึง 47 เกม ยิงไป 7 ประตู และอีก 6 แอสซิสต์

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ‘ซัวเรส’ อายุ 33 ปีแล้ว 

ขณะที่ ‘ซิสโซโก’ หลังปักหลักอยู่กับแอสตัน วิลลา ในพรีเมียร์ลีก ในช่วงฤดูกาล 2014-2017 ได้ถูกยืมตัวไปเล่นให้กับปอร์โต ในโปรตุเกส โดยลงเล่นไป 26 นัด ทำได้ 2 แอสซิสต์ และถูกปล่อยยืมตัวอีกครั้งไปเล่นให้กับโอลิมเปียกอส ในกรีซ ได้ลงเล่น 10 นัด ทำได้ 1 ประตู และ 1 แอสซิสต์

กระทั่ง ฤดูกาล 2017 ‘ซิสโซโก’ ตัดสินใจหอบสตั๊ดไปโลดแล่นในดินแดนไก่งวงอย่างตุรกี กับ เยนิ มาลัตยาสปอร์ โดยลงสนามไป 32 นัด ทำได้ 5 แอสซิสต์ ก่อนจะถูก อันตัลยาสปอร์ ดึงตัวไปเล่นในฤดูกาล 2018-2020 จะย้ายไปเล่นให้กับอันตัลยาสปอร์ โดยลงเล่นไป 27 นัด กับ 2 แอสซิสต์

ทีมล่าสุดของ อดีตดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสคือ เอเอฟซี บลัวส์ ในลีกระดับ 4 ของดินแดนน้ำหอม

โดยปัจจุบันเขามีอายุ 33 ปี

หากมองในเชิงสถิติ ดูเหมือน ‘ซิสโซโก’ ยังทำได้ดีในเรื่องที่เป็นจุดเด่นของเขาคือ เกมรุก และการสร้างสรรค์โอกาสจากริมเส้นฝั่งซ้ายไปให้เพื่อน ดูแล้วน่าสนใจไม่น้อย 

ขณะที่ในรายของ ‘ซัวเรส’ จำนวนประตูอาจน้อยไปนิด ทว่า รูปแบบการเล่นในลีกไทยมันแตกต่างจากที่ๆเขามา ดังนั้น อาจจะกลับมาเปรี้ยงก็ได้

แต่อย่างน้อยๆ การเสริมทัพแบบเบิ้มๆ แบบนี้ มันก็ทำให้แฟนราชันโคขาวหัวใจพองตัว สามารถคาดหวังที่จะสร้างประวัติศาสตร์ไปสัมผัสโอโซนไทยลีกเป็นครั้งแรกมากขึ้น.

________________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย

แสดงความเห็น