ส.ส.พท. ระบุ ปชช.ข้องใจ ทำไม เจอรัฐบาลเน่าๆ ไม่แก้ปัญหาศก. ซ้ำเติมภาระ สร้างความเหลื่อมล้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงาน ถึงการประชุมสภาฯ ซึ่งพิจารณา พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 (ซอฟท์โลน) วงเงินไม่เกิน 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งครม. เป็นผู้เสนอ โดยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม  พ.ร.ก.ฉบับเดียวกันที่มีผลบังคับใช้ เมื่อ 19 เมษายน 2563 เพื่อผ่อนปรนเงื่อนไขให้กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจสามารถเข้าถึงการกู้เงินได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ในการอภิปรายของ ส.ส. ฝั่งรัฐบาล แม้จะทักท้วงความผิดพลาดของการใช้พ.ร.ก.ซอฟท์โลน ที่ผ่านมา แต่ได้ให้คำแนะนำ และข้อแก้ไขในจุดบกร่อง อาทิ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่อภิปรายทักท้วงต่อการปฏิบัติหลังจาก พ.ร.ก.มีผลบังคับใช้ หลังจากการบังคับใช้ที่ผ่านมาพบจุดอ่อนและไม่สามารถเข้าถึงผู้ประกอบธุรกิจขนานเล็กได้ พร้อมกับได้เสนอให้รัฐบาลปรับโครงสร้างสถาบันการเงิน และการปล่อยกู้ รวมถึงมีมาตรการดูแลธุรกิจให้อยู่รอด

ขณะที่การอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน ย้ำให้เห็นถึงความผิดพลาดต่อการแก้ปัญหาโควิด-19 และเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการดูแลธุรกิจรายย่อย พร้อมเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลเลิกให้ท้ายรัฐบาลชุดปัจจุบัน

โดย น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย  อภิปรายว่าโดยเชื่อว่า พ.ร.ก.ซอฟท์โลนฉบับแก้ไข ไม่สามารถกระจายเงินกู้ถึงมือผู้ประกอบการรายย่อยได้ และการปล่อยกู้ในรอบแรกเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีนักธุรกิจรายย่อยไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ได้โดยตรงจากสถาบันการเงิน แต่เข้าถึงเพราะกู้ต่อธุรกิจรายใหญ่ที่ได้รับสิทธิกู้เงิน และนำมาปล่อยเงินกู้ให้กลุ่มเอสเอ็มอี นอกจากนั้นยังพบว่าธุรกิจรายใหญ่ที่ได้กู้เงิน นำเงินกู้ซื้อหุ้น ซื้อที่ดิน เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ 

“ผู้ประกอบการรายเล็กไม่เคยเข้าถึงและไม่สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือจากรัฐ ทั้งการพักชำระหนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลล้มเหลว และสร้างความเหลื่อมล้ำให้มากขึ้น รวมถึงเหยียบย่ำคนตัวเล็ก ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย คิดถึงความมั่นคงของธนาคารพาณิชย์มากกว่าตั้งใจอุ้มคนตัวเล็ก ดังนั้นในอนาคตเชื่อว่าจะเกิดความเหลื่อมล้ำโอกาสทางการค้า เกิดการผูกขาดทางการค้าให้กลุ่มนายทุน รวมถึงลดการแข่งขันอย่างเสรี ในระยะยาวเชื่อว่าไทยไม่สามารถเข้าสู่การพัฒนาได้” น.ส.สรัสนันท์ กล่าว

ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน ประชาชนไม่ได้ตั้งคำถามว่า กู้จำนวนเท่าไร แต่ต้องการทราบว่านำเงินกู้ไปใช้แบบไหน นำไปทำอะไร ที่ผ่านมาประชาชนไม่เห็นแสงสว่าง คนไทยไม่ต้องการเงิน 1,000 – 2,000 บาท แต่อยากทำธุรกิจ อยากทำงาน โดยไม่มีรัฐบาลขัดหน้าขัดหลังอย่างไม่มีเหตุผล หรือหากไม่ช่วย ไม่ควรเอาเท้าราน้ำ

“นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ไม่ถูกยึดบ้าน ยึดรถ หรือถูกลูกน้องทวงเงินเดือน เจ้าหนี้ทวงเงิน รัฐบาลอยากให้คนไทยเข้าใจและยอมรับ แต่คนไทยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจอรัฐบาลเน่าๆ ดังนั้นขอเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาล อย่าให้ท้ายคนที่ไร้ความสามารถมาบริหารประเทศ เสมือนการท้ายวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ฉีดให้คนไทย” น.ส.สรัสนันท์ กล่าว

แสดงความเห็น