“ไทยไม่ทน” บุกทำเนียบ จี้ “ประยุทธ์” ลาออก บริหาร 7 ปี ล้มเหลว

ไทยไม่ทน  บุกทำเนียบ จี้ “ประยุทธ์” ลาออก ยก “พล.อ.เปรม” บอกคนเราต้องรู้จักพอในอำนาจ ขณะ “แรมโบ้” เบี้ยวรับหนังสือ ก่อน “จตุพร” ตอกกลับขอให้รัก “ประยุทธ์” นานๆเหมือนรัก “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

กลุ่มไทยไม่ทน “คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” นำโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 , นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช. รวมถึงนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อาทิ นายวีระ สมความคิด, นายเมธา มาสขาว, นายไทกร พลสุวรรณ, นางพะเยาว์ อัคฮาด, ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี และนายนันทพงษ์ ปานมาศ เดินทางมายื่นหนังสือ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการบริหารงานมา 7 ปี ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้เลย ทั้งเรื่องการปฏิรูปประเทศที่ล้มเหลว เป็นเพียงการต้มกลุ่ม กปปส. เพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่ไม่เข้ากับยุคสมัย การสร้างความปรองดองที่ไม่ได้ผล เพราะปัจจุบันความขัดแย้งทางการเมืองยังมีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นก็มีพัฒนาการที่เสื่อมถอย มีปัญหาเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำมาตลอด 7 ปี รัฐบาลใช้งบประมาณแผ่นดิน 20.8 ล้านล้านบาท แต่ตัวเลขคนจนยังพุ่งสูงขึ้น 100% นอกจากนี้การละเมิดสถาบันยังเป็นปัญหาที่แบ่งแยกประชาชน โดยเฉพาะบุคคลในอำนาจรัฐและเครือข่ายกลับแอบอ้างเพื่อแสวงหาประโยชน์เข้าตัวเองและพวกพ้อง นอกจากนายกรัฐมนตรีจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้กลับทำให้แย่ไปกว่าเดิม เนื่องจากหลักคิดยังติดกับลักษณะรัฐราชการเพียงลำพัง ขณะที่รัฐธรรมนูญถูกมองว่า ร่างขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจ ระบบเลือกตั้งทำให้เกิด ความสับสน องค์กรอิสระถูกแทรกแซง ระบบยุติธรรมถูกทำลาย การแก้ปัญหา โควิด-19 ก็ล้มเหลว การฟื้นฟูเยียวยาประเทศเวลานี้จำเป็นที่จะต้องระดมพลังแผ่นดินทุกภาคส่วน ทั้งราชการ เอกชน พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน นักวิชาการทุกวงการ โดยที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดโอกาสให้มีคนใหม่เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาบูรณาการพลังแห่งแผ่นดินทุกภาคส่วนพาประเทศให้พ้นวิกฤต

นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่าอยู่เพื่อปกป้องสถาบัน แต่ความจริงแล้วไม่เคยออกมาปกป้อง ยกตัวอย่างได้จากการเกิดข่าวลือต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังนิ่งเฉยปล่อยประละเลยไม่ออกมาชี้แจง และยังใช้มาตรา 112 มุ่งทำลายบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมือง ทั้งที่มาตรา 112 ไม่สามารถที่จะใช้แบล็กเมล์หรือปกป้องรัฐบาลได้ พล.อ.ประยุทธ์อ้างอีกว่าวันนี้อยู่เพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 มีการประกาศยึดอำนาจจากคณะรัฐมนตรีถึง 3 ครั้งเพื่อรวมอำนาจไว้ที่นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้ และยังไม่ยอมรับผิดชอบ ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์อยู่ โควิดก็คงยังอยู่ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอ้างว่าอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นแต่ความจริงแล้ว การทุจริตไม่ได้หมดไปและยังคงเกิดขึ้น อย่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท ก็เป็นจุดหนึ่งที่เสี่ยงจะเกิดการทุจริตได้

นายจตุพร ยังกล่าวต่อไปว่าทุกสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศเป็นวาระแห่งชาติไม่เคยสำเร็จ แต่ก็ไม่เคยคิดจะออกจากตำแหน่ง แล้ววันนี้ไม่ต้องกังวลว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ออกแล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน ให้คิดเสียว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นได้ ใครก็เป็นได้

พร้อมกันนี้ นายจตุพร ยังยก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้มาเป็นตัวอย่างให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ พล.อ.เปรมเป็นบุคคลที่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ทั้งหมด แต่พล.อ.เปรมรู้จักพอ หลังจากดำรงตำแหน่งมา 8 ปี ก็ปฏิเสธการเข้ารับตำแหน่งจากการเสนอชื่อของนักการเมือง ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่ต้องรู้จักพอ

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่านายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่มีกำหนดการจะมาเป็นผู้รับหนังสือเอง แต่ไม่ออกมารับหนังสือเองแต่กลับส่งตัวแทนมารับ ทำให้นายจตุพร กล่าวถึงนายเสกสกลสั้นๆว่า ขอให้รัก พล.อ.ประยุทธ์นานๆเหมือนกับที่รักนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

แสดงความเห็น