ส.ว. จี้ นายกฯ ปรับแผนรับมือระบาดโควิด-แก้ปัญหาปากท้องประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการประชุมวุฒิสภา  นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เปิดโอกาสให้ส.ว.หารือถึงประเด็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยส่วนใหญ่เป็นการอภิปรายเพื่อแสดงความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเสนอให้รัฐบาล เร่งจัดการปัญหา โดยเฉพาะการเร่งฉีดวัคซีน รวมถึงเร่งเยียวยาประชาชนให้ตรงความต้องการ

โดย นายสมชาย แสวงการ ส.ว. หารือให้รัฐบาลปรับแผนการฉีดวัคซีนเพื่อแรงงานต่างด้าว หรือ แรงงานในระบบอุตสาหกรรม หลังจากที่พบว่าเป็นคลัสเตอร์การระบาดใหญ่ หลายแห่ง ทั้งนี้กรณีที่รัฐบาลเตรียมแผนเพื่อฉีดวัคซีนให้แรงงานต่างด้าว หรือคนต่างชาติ ในเดือนสิงหาคมนั้น อาจไม่ทันการณ์ ดังนั้นในทางที่ทำได้ คือ ให้นายจ้างซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผ่านรัฐบาล โดยประสานไปยังพรรคคอมมิวนิสต์จีน  และตนมองว่าหากไม่เร่งสะกัดแรงงานต่างด้าว จะไม่สามารถควบคุมโรคได้

นายสมชาย เรียกร้องให้รัฐบาล ปรับการแถลงข่าวผ่านศูนย์แถลงข่าว และไม่แย่งให้ข้อมูลหลังจากที่พบข่าวเท็จต่อการมีวัคซีนไม่เพียงพอ ทั้งนี้จากการตรวจสอบผ่านคณะกรรรมาธิการ (กมธ.)สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค  ทราบว่าในเดือนมิถุนายนนี้ ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนแน่นอนจากแอสตราเซเนก้า จำนวน 6 ล้านโดส และซิโนแวค จำนวน 2.5 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายน ซึ่งรัฐบาลจีนจะส่งมอบวัคซีนดังกล่าวภายในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ดังนั้นรัฐบาลไทยจะมีวัคซีนให้บริการรวม 8.5 ล้านโดสแน่นอน จากนั้นในเดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายน จะมีวัคซีนนำเข้าเดือนละ 10 ล้านโดส และรัฐบาลจะจำเข้ารวม 100 ล้านโดสภายในสิ้นปี ดังนั้นตนขอให้รัฐบาลชี้แจงเพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ

ขณะที่นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว. เรียกร้องให้รัฐบาลปรับการจัดสรรวัคซีนในเดือนพฤษภาคม โดยให้เกลี่ยการจัดสรรจากจังหวัดที่พบจำนวนการระบาดน้อย หรือไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งพบว่ามีประมาณ 40 จังหวัด มายังพื้นที่ที่พบว่าเป็นคลัสเตอร์ระบาดใหม่ เพื่อนำวัคซีนป้องกันโควิด-19 ฉีดให้กับประชาชนที่วิตก หวาดกลัวกับการระบาดในพื้นที่ นอกจากนั้นในด้านการให้ข้อมูลความมั่นใจกับประสิทธิภาพของวัคซีน ตนมีข้อมูลของวัคซีนซิโนแวค ว่า  67% สามารถช่วยผู้ป่วยที่มีอาการได้ 85% ช่วยผู้ป่วยไม่ให้แอดมิด 89% ช่วยผู้ป่วยไม่ต้องเข้าห้องไอซียู 80% ช่วยให้ผู้ป่วยไม่เสียชีวิต  

ขณะที่ พล.อ. เลิศรัตน์ รัตนวานิช  ส.ว. หารือว่ากรณีที่รัฐบาลเตรียมผ่านพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน วงเงิน 7 แสนล้านบาท ว่าขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รวมถึง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ให้พิจารณาจัดสรรเงินส่วนของเงินกู้ จำนวน 2.5 แสนล้านบาท เพื่อจัดสรรให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย รายละ  5,000 บาท เพื่อให้ประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ เพราะจากการลงพื้นที่พบว่าโครงการที่รัฐให้สิทธิกับประชาชน  เช่น โครงการเราชนะ , โครงการเรารักกัน, โครงการคนละครึ่ง นั้นพบการซื้อขายสิทธิ์ เนื่องจากประชาชนมีความต้องการนำเงินไปใช้จ่ายส่วนอื่นที่ไม่ใช่การซื้อของอุปโภคบริโภค

แสดงความเห็น