กทม.ใช้แนวทาง Bubble and Seal คุมโควิดแคมป์คนงาน จ่อ ขยายกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีน

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ในขณะนี้พบการแพร่ระบาดในพื้นที่แคมป์คนงานก่อสร้าง 3 จุดใหญ่ คือ ที่เขตหลักสี่ 1 จุด และเขตวัฒนา 2 จุด โดยเขตหลักสี่กรุงเทพมหานครได้นำแนวทางการควบคุมโรคจากจังหวัดสมุทรสาครมาใช้ คือมาตรการการควบคุมโรคลักษณะ Bubble and Seal  ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเจ้าของแคมป์คนงานก่อสร้างในการควบคุมพื้นที่เพื่อให้คนงานทั้งหมดอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายออกไปสู่ภายนอก ควบคู่ไปกับการตรวจ rapid test หลังจากนี้ 14 วัน และหากพบผู้ป่วยที่มีอาการจะนำออกมาส่งต่อไปยังสถานพยาบาลเพื่อทำการรักษา ทั้งนี้พบว่าภาพรวมคนงานก่อสร้างในแคมป์คนงานทั้งหมดเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งกรุงเทพมหานครจะเข้าไปให้ความรู้แก่เจ้าของและผู้ดูแลแคมป์คนงานเพื่อให้มีความเข้าใจในการปฏิบัติตนตามสุขลักษณะที่ดี รวมทั้งดำเนินการตรวจเชิงรุกในพื้นที่ชุมชนโดยรอบแคมป์คนงาน ซึ่งมี 6 ชุมชน คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้จะครบทุกชุมชน สำหรับแคมป์คนงานที่เขตวัฒนาทั้ง 2 จุด ได้ส่งผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาทั้งหมดแล้ว และผู้ที่ไม่ติดเชื้อได้จัดให้มีพื้นที่แยกกักตัวเพื่อสังเกตอาการต่อไป

โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึง แนวทางการให้บริการวัคซีนในพื้นที่กรุงเทพมหานครในขณะนี้ว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่มีความเสี่ยง โดยกลุ่มเป้าหมายนี้ รวมถึงบุคลากรที่ต้องทำหน้าที่ประจำโรงพยาบาลสนามและสถานที่กักตัวต่างๆ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในขณะนี้ด้วย นอกจากนี้ได้ฉีดให้แก่กลุ่มอาชีพเสี่ยงผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะที่ในแต่ละวันต้องมีความเกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก และจะเพิ่มในส่วนของพนักงานขนส่งในกลุ่มอื่นๆ ซึ่งเมื่อครบตามที่กำหนดจะขยายการให้บริการไปยังกลุ่มอื่น 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากรัฐบาลจะจัดจัดสรรวัคซีนให้กรุงเทพมหานครเพิ่มเติมเนื่องจากพบว่ามีหลายคลัสเตอร์ที่มีความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค โดยในเดือนมิ.ย.คาดว่าจะได้รับจัดสรรวัคซีน ประมาณ 2.5 ล้านโดส และเดือนก.ค.คาดว่าจะได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มอีก 2.5 ล้านโดส กรุงเทพมหานครจึงจำเป็นต้องเร่งการให้บริการฉีดวัคซีน โดยจะขยายการให้บริการครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายประชาชนทั่วไป อายุ 18 ปี – 59 ปี 10 เดือน เพื่อรับวัคซีน ณ หน่วยบริการวัคซีนนอกโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดแนวทางและการพัฒนาระบบการจองให้มีประสิทธิภาพและเปิดกว้างเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มให้ได้มากที่สุด สำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ 60 ปี และประชาชนกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงที่ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมและช่องทางอื่นๆไปแล้ว ขอให้เข้ารับการฉีดวัคซีน ณ โรงพยาบาลที่จัดให้เท่านั้น เนื่องจากประชาชนกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

แสดงความเห็น