ประวิตร สั่งการกระทรวงแรงงาน เร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมและทั่วถึงแรงงานทุกคน เร่งแก้กฎหมายประกันสังคม นำเงินชราภาพออกมาใช้ได้บางส่วน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการขับเคลื่อนการป้องกันและการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งการประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังสำนักงานแรงงานจังหวัด และสำนักงานแรงงานในต่างประเทศด้วย เพื่อเป็นการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ให้ปลอดภัยจากโควิด-19 และกำชับขอให้เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานตรวจสอบช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที และให้ช่วยเหลือในทุกมิติ
ทั้งนี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาจัดสรรวัคซีนให้กับกระทรวงแรงงานเพื่อกระจายให้กับแรงงานซึ่งเป็นผู้ประกันตน ม.33 ในระยะแรกจำนวน 6,000,000 โดส แบ่งเป็น พื้นที่กรุงเทพมหานครจะฉีดในเดือนมิถุนายนจำนวน 1.6 ล้านโดส เดือนกรกฎาคม 1.5 ล้านโดส นอกจากนี้จะฉีดในพื้นที่ 9 จังหวัดเศรษฐกิจ ในเดือนกรกฎาคมจำนวน 2.5 ล้านโดส ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ชลบุรี นครปฐม ระยอง ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร และเชียงใหม่ โดยให้สถานประกอบการแจ้งรายชื่อที่จะฉีดเพื่อเชื่อมโยงแอปพลิเคชันหมอพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขและประสานภาคเอกชนในการหาสถานที่สำหรับฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงและเพียงพอ
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังมอบนโยบายเป็นแนวทางปฏิบัติให้กับกระทรวงแรงงาน คือ 1.ฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมและทั่วถึงโดยบูรณาการร่วมกับคณะกรรมการกระจายวัคซีนแก่ผู้ประกันตน ม.33 และพัฒนาระบบยืนยันการฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ 2.ให้ตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุกครอบคลุมทุกกลุ่มเสี่ยง 3.มาตรการช่วยเหลือและเยียวยา ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แรงงานสามารถดำรงชีพในสถานการณ์ปัจจุบันได้ 4.ขอให้เร่งขับเคลื่อนแก้กฎหมายประกันสังคม ตามข้อเรียกร้องในการนำเงินชราภาพออกมาใช้บางส่วน 5.ให้กำกับดูแลแรงงานต่างด้าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และยึดมั่นมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
พล.อ.ประวิตร ยังกำชับให้เตรียมการเรื่องการดูแลผู้ป่วย ทั้งเรื่องของเตียงและ Hospitel และช่วยเหลือประชาชน ทุกคนต้องเข้าใจว่าเราทำงานเพื่อประชาชนและแรงงาน ทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าวที่จะต้องดูแลเป็นอย่างดี พร้อมฝากไปยังสำนักงานแรงงานในต่างประเทศให้รีบนำแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบปาเลสไตน์-อิสราเอลกลับสู่ประเทศโดยเร็ว ขณะเดียวกันให้ดูแลแรงงานไม่ใช่อยู่ในถุงไม่ให้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง โดยขอให้มีการขนย้ายแรงงานแรงงานออกมาในพื้นที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันขอให้ชะลอดูชะลอการส่งแรงงานไปทำงานไว้ก่อนยกเว้นในพื้นที่ปลอดภัย
