ยัน จำเป็นกู้เงินเพิ่ม 700,000 ลบ. รับมือโควิด ย้ำ การฉีดวัคซีนทั่วถึงเป็นปัจจัยฟื้นฟูศก.ประเทศ

นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ หนุน รัฐบาลกู้เงินเพิ่ม 700,000 ล้านบาท รับมือโควิดระลอกใหม่ ชี้ เพดานหนี้สาธารณะยังไม่เกินเป้า ย้ำ การฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงเป็นปัจจัยสำคัญฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ

นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง กล่าวถึงกรณี ครม.อนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้านบาท รับมือโควิดระลอกใหม่ว่า ยืนยันว่าจำเป็นที่จะต้องกู้เงินจำนวนนี้ เพราะสถานการณ์โควิดคงไม่จบภายในปีนี้ อย่างเร็วที่สุดคือปีหน้า เพราะหลายประเทศก็มีโควิดระลอกใหม่เช่นเดียวกับประเทศไทย ดังนั้นจากนี้ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเรื่องการฉีดวัคซีนอย่างมากที่สุดที่รัฐบาลจะทำได้ ก็คือ 30-40% ซึ่งกว่าจะครบ100% ก็คงปีหน้า เพราะฉะนั้นภายใต้ข้อจำกัดนี้จะเห็นได้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ยังอยู่ในลักษณะที่ไม่ค่อยดีนัก จะดีก็มีแค่เรื่องส่งออก แต่ประชาชนเดือดร้อน และคนตกงานมากขึ้น อย่างก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลกู้เงินไปก็ไม่เพียงพอแน่นอน ดังนั้นมีความจำเป็นในการกู้เงินจำนวนนี้อย่างแน่นอน 

“เมื่อถามว่ากู้เงินไปแล้วจะเลยเถิดไปถึงขั้นไหน หากรัฐบาลกู้ไป 700,000 ล้านบาท ตัวเลขหนี้สาธารณะก็จะมี 58-59% ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ ก็ยังอยู่ในกรอบของความมั่นคงที่อยู่ประมาณ 60% หลายประเทศที่กู้ไม่ได้เค้าได้มีการผ่อนปรนเสถียรภาพจากเพดาน 60% ขึ้นไปแล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ 100% ไปแล้ว ยิ่งญี่ปุ่นไม่ต้องพูดถึงเลยเถิดไปถึง 300% ผมจึงไม่แปลกใจที่รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะกู้เพิ่ม” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวอีกว่า แต่หากถามว่ากู้มาแล้วเพียงพอไหม มองว่าก็ยังไม่เพียงพอเท่าไหร่ เราจะเห็นว่าหลายประเทศฉีดวัคซีนแล้วไม่ได้ครบ 100% และเมื่อเปิดให้มีการท่องเที่ยวแล้วมีคนต่างประเทศเข้ามา มันก็จะกลายเป็นระลอกใหม่ ดังนั้นการกู้เงินจำนวนนี้เพียงพอสำหรับปีนี้ แต่ไม่มั่นใจว่าจะครอบคลุมถึงปีต่อไปหรือไม่ เพราะยังมีเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเยียวยาต่างๆด้วย 

นายสมชาย กล่าวว่า มาตรการต่างๆนี้เป็นการเยียวยาเฉพาะหน้า แต่สำหรับเงินกู้จะต้องมีเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเศรษฐกิจก็จะมารองรับเรื่องของหนี้สาธารณะได้ ง่ายๆก็คือจะทำอย่างไรเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องบริหารเงินในส่วนของการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเรื่องของการส่งออกและการลงทุนของภาคเอกชน 

นายสมชาย ย้ำว่า การฉีดวัคซีนให้กับประชากรในประเทศมีส่วนสำคัญในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ทุกประเทศที่ฟื้นตัวไม่ได้ฟื้นตัวด้วยเศรษฐกิจ แต่เป็นการฟื้นตัวด้วยวัคซีน หัวใจสำคัญคือต้องทุ่มเงินกับเรื่องของวัคซีน 

“อย่างแรกคือให้มีวัคซีนจำนวนที่เกินความพอเพียง อย่างที่สองตัววัคซีนต้องมีความหลากหลาย เพราะมันมีบางตัวอย่างเช่น ไฟเซอร์ป้องกันเรื่องของสายพันธุ์ใหม่ได้ อย่างที่สามนอกจากวัคซีนจะต้องเพียงพอแล้ว บางอย่างอาจจะต้องใช้โดสที่สามในปีหน้า ผมคิดว่าวัคซีนที่เราเตรียมไว้อยู่ยังไม่เพียงพอ อาจจะต้องเพิ่มอีก 200,000,000 โดส ที่สำคัญมากคือต้องฉีดให้รวดเร็วและทั่วถึง หากยิ่งช้าการแพร่ระบาด มันก็ยังเร็วขึ้นแล้ว เศรษฐกิจก็จะชะลอตัวลง” นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความกังวลของประชาชนที่ไม่เชื่อมั่นเรื่องของการฉีดวัคซีนทั้งที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เรื่องนี้มองอย่างไรบ้าง นายสมชาย กล่าวว่า ประเทศไทยยังมีปัญหาน้อย บางประเทศที่ติดเรื่องศาสนา แต่ประเทศเรายังมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร คนบางคนที่ไม่ฉีด อาจเพราะรับรู้ข่าวสารว่ายี่ห้อนี้ดีหรือยี่ห้อนี้ไม่ดี ดังนั้นรัฐบาลต้องสื่อสารให้ชัดเจนว่าฉีดวัคซีนแล้วจะปลอดภัยอย่างไร ขณะที่ประชาชนบางส่วนก็ไม่รู้ว่าจะฉีดวัคซีนที่ไหน นี่คือสิ่งที่รัฐบาลจะต้องบอก และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนโดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีการจอง เพราะต้องยอมรับว่าหลายคนไม่สามารถทำได้ ทำไม่เป็น และที่สำคัญที่สุดเมื่อฉีดวัคซีนได้อย่างกว้างขวางแล้ว ทุกคนต้องอย่าการ์ดตก  แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่าง และคุมเข้มกับร้านค้าผู้ประกอบการอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำรอย

แสดงความเห็น