ประธาน นปช.ซัด บิ๊กตู่ เป็นผู้นำขาดน้ำยา ขอแรงคนเดือนพฤษภา ทุกกลุ่ม รวมตัวไล่

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านรายการ peace talk ในหัวข้อ 29 ปี พฤษภา 35 ตอนหนึ่งว่า ตนฐานะคนเดือนพฤษภาคม 2535 ต้องการพฤษภาโมเดล เพื่อสร้างความถูกต้องให้เกิดบนแผ่นดินไทย ขอให้ประชาชน ทั้งจากฝ่ายที่เกลียดตนพักความเกลียดไว้ก่อน เพื่อจัดการกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ก่อนที่บ้านเมืองไม่เหลืออะไร และจะสูญเสียทุกอย่าง ทั้งนี้ในวันที่ 18 พฤษภาคน ครบรอบ 29 ปีพฤษภา 35 ส่วนวันที่ 19 พฤษภาคม ครบรอบ 11 ปีพฤษภา 53 และวันที่ 22 พฤษภาคม ครบรอบ 7 ปีรัฐประหาร พฤษภา57 ดังนั้นถือว่าเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่งประวัติศาสตร์ และมีบทเรียนที่มีคุณค่า ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและเผด็จการ หากประชาชนไม่สามัคคี จะไม่มีวันชนะเผด็จการ

“ผมขอให้เห็นแก่ประเทศชาติ ทั้งนี้การต่อสู้ย่อมมีบาดแผล แต่ทั้งหมดผมไม่มีเรื่องส่วนตัว ผมรู้ว่าการต่อสู้เพียงลำพังไม่ชนะเผด็จการชุดนี้ ที่ที่มีความแยบยล มีเล่ห์ เพทุบาย มากกว่าปี 2535 ที่ทหารเป็นนักเลง  ทหารยุคนี้ต้องการอยู่ในอำนาจและทำลายศัตรู ด้วยการกระทำที่โสมม มากที่สุดคือแก้ปัญหาประเทศไม่ได้ ปล่อยทุจริต และแก้เกมว่าให้วาระปราบคอร์รัปชั่น วาระแห่งชาติ หน้าไม่อายมาที่สุด” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ยังกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคยระบุว่าอยู่ในตำแหน่งเพื่อปกป้องสถาบัน แต่ปัจจุบันพบว่าสถาบันได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด ทั้งนี้ตนขอให้ไปตรวจสอบว่ายุครัฐบาลใดที่ใช้สถาบันบังหน้าเพื่อทำลายฝ่ายปฏิปักษ์และสร้างประโยชน์ให้ตนเองมากที่สุด  ที่ผ่านมาพบการใช้มาตรา 112 เพื่อดำเนินคดี แต่พบว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อให้ยอมทำตาม และถอนแจ้งความ ทั้งที่มาตราดังกล่าวไม่ใช่การหมิ่นประมาทส่วนตัว ทางกฎหมายและข้อเท็จจริงไม่สมควรทำอย่างยิ่ง

ประธานนปช. กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าอยู่ในตำแหน่งเพราะต้องการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 แต่การระบาด 3 รอบที่ผ่านมา เห็นชัดเจนว่าพล.อ.ประยุทธ์ที่รวบอำนาจทุกอย่างไว้ที่ตนเอง ผ่านพ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลับพบว่าบริหารงานล้มเหลว ซึ่งสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ขาดไป คือ ขาดน้ำยา

แสดงความเห็น