ประสิทธิ์ เจียวก๊ก นำพยานหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์หลังถูกออกหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชน

นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก นักธุรกิจท่องเที่ยวผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน นำพยานเอกสารหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายจับในคดีดังกล่าว หลังมีผู้เสียหายกว่า 500 คน เข้าร้องทุกข์กับตำรวจ และคาดว่ามีความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท

ก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนนายประสิทธิ์ ระบุว่า ได้เตรียมพยานหลักฐานมาชี้แจง ซึ่งมั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น ที่ผ่านมาตนเองก็ตกเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย ที่ถูกพนักงานบริษัทฉ้อโกงสูญเงินไปกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งในประเด็นนี้มีหลักฐานในการแจ้งความไว้ก่อนหน้าแล้ว และยอมรับว่าที่ผ่านมาปัญหาสถานการณ์ โควิด-19 ส่งผลกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยวของตัวเองอย่างมาก อีกทั้งยังถูกนำชื่อไปเชื่อมโยงกับประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง จึงอยากขอให้สังคมแยกแยะระหว่างการระดมทุนทางธุรกิจ กับการทำธุรกิจแบบเครือข่าย และหากการทำธุรกิจของตนเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย ตนก็พร้อมรับโทษ

ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายซึ่งทราบข่าวว่านายประสิทธิ์ จะเข้ามอบตัว ได้ไปรอสังเกตการณ์เพื่อรอฟังคำชี้แจงจากผู้ต้องหา แต่ปรากฏว่านายประสิทธิ์ เดินทางมาถึงตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้ไม่ได้พบกัน

นายอติชาต เลาหพิบูลย์กุล หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงทุนทุกรูปแบบที่นายประสิทธิ์เสนอมานานกว่า 2 ปี คิดเป็นเงินประมาณกว่า 80 ล้านบาท เนื่องจากเชื่อถือในภาพลักษณ์ทางสังคม เเละส่วนตัวก็เคยลงพื้นที่ร่วมทำจิตอาสาในโครงการต่างๆ ของนายประสิทธิ์ด้วย ส่วนที่พบความผิดปกติเกิดขึ้นหลังจากที่นายประสิทธิ์อ้างว่า บริษัทประสบปัญหาสภาพคล่อง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งขัดเเย้งกับความเป็นจริง ที่บริษัทนายประสิทธิ์ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยอมรับว่าคดีนี้ไม่น่าเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะมีธุรกิจอยู่จริง ไม่ใช่การปันผลจากการบอกต่อ 

ขณะที่ผู้เสียหายอีกราย อ้างว่า เคยเป็นพนักงานในบริษัทของนายประสิทธิ์ ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก่อนถูกชักชวนให้นำเงินลงทุนสหกรณ์ อ้างจะให้เงินปันผล 15 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุน  ทุก 39 วัน เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะพนักงานเท่านั้น ตนจึงไปชักชวนครอบครัวเเละญาติ ร่วมลงทุนมูลค่ารวมกว่า 1 ล้าน 4 แสนบาท ซึ่งก็ได้เงินปันผลครบทุกรอบ เเต่ต่อมาภายหลังขอเงินลงทุนคืน กลับถูกบ่ายเบี่ยง ช่วงเมษายนที่ผ่านมาพนักงานติดต่อให้ไปเซ็นเอกสาร ประนอมหนี้ โดยระบุจะ แบ่งจ่ายชำระหนี้ให้เป็นระยะเวลา 1 ปี เเต่ภายหลังกลับติดต่อไม่ได้ ทุกวันนี้ลำบากมาก เพราะไม่มีเงินจะใช้จ่าย ต้องจำนำของทั้งหมด 

สำหรับการดำเนินคดีกับนายประสิทธิ์ในวันนี้ พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า สำหรับการสอบสวนปากคำพนักงานสอบสวน จะเน้นสอบสวนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ความผิดตามที่พบพยานหลักฐาน จากนั้นก็จะแจ้งข้อกล่าวหาฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งหากสอบปากคำเสร็จสิ้นในวันนี้ ก็จะนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังต่อไปทันที โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากพิจารณาว่าคดีมีความเสียหายเป็นวงกว้าง มีผู้เสียหายหลายราย 

แสดงความเห็น