รมว.ยุติธรรม เผย กรมคุมประพฤติ นำร่อง 10 จังหวัดใช้ Video Conference สอบปากคำผู้ต้องหา

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ภายหลังสถานการณ์โควิดระบาด ตนได้ตระหนักถึงปัญหาจึงมีนโยบายนำระบบการประชุมทางจอภาพมาใช้กับการปฏิบัติราชการระหว่างหน่วยงาน เพื่อนำร่องการประชุมทางจอภาพใช้สอบปากคำผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ ลดโอกาสการสัมผัสระหว่างบุคคลภายนอก รวมถึงพนักงานคุมประพฤติ และผู้ที่อยู่ในเรือนจำและสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโควิด โดยกรมคุมประพฤติจะมีการนำร่องในจังหวัดที่มีความเสี่ยง และจังหวัดที่มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ในเรือนจำหรือสถานพินิจฯจำนวนมาก 

โดยการประชุมทางจอภาพดังกล่าวจะเริ่มในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้จำเลย ผู้ถูกคุมความประพฤติ ผู้ทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับ ไม่ต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ และลดภาระในการเดินทาง และจะมาพบพนักงานคุมประพฤติเมื่อการแพร่ระบาดลดลง ซึ่งจะร่วมมือกับศาลที่อยู่ห่างไกลกับสำนักงานใน 10 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี สุรินทร์ สกลนคร แม่ฮ่องสอน นครสวรรค์ กาญจนบุรี สุราษฎร์ธานี และยะลา

ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติจะใช้การประชุมทางจอภาพ ร่วมกับศาลยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในช่วงโควิดระบาด ดังนี้ 1.การประชุมทางจอภาพเพื่อชี้แจงเงื่อนไขและขั้นตอนกับผู้กระทำผิดทันทีที่ศาลมีคำสั่งให้สืบเสาะและพินิจหรือสั่งคุมประพฤติ 2. การประชุมทางจอภาพเพื่อให้ศาลซักถามพนักงานคุมประพฤติกรณีผู้ถูกคุมความประพฤติผิดเงื่อนไขหรือมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลง 3.การประชุมทางจอภาพเพื่อสอบปากคำจำเลยหรือผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ที่ถูกคุมขังในเรือนจำและสถานพินิจฯ

นายสมศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า ขณะที่การสอบปากคำผ่านทางจอภาพกับจำเลย และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ที่ถูกคุมขังในเรือนจำและสถานพินิจฯ จะเริ่มดำเนินการกับผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ก่อนภายในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะช่วยป้องกันการสัมผัสและลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เรือนจำไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกเข้าพื้นที่เรือนจำ โดยจะนำร่องในจังหวัดที่มีผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ในเรือนจำจำนวนมาก ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ชลบุรี เป็นต้น และการสอบปากคำจำเลยจะเริ่มในระยะถัดไปในเดือนกรกฎาคมนี้

แสดงความเห็น