ก้าวต่อไปม็อบ3 นิ้ว ปล่อยแกนนำ แต่ติดล็อกเงื่อนไขศาล

การเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบสามนิ้ว หลังจากนี้ ถูกตั้งคำถามไม่น้อยว่า แกนนำแต่ละคน จะออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกหรือไม่ และจะมีบทบาทในม็อบได้มากน้อยแค่ไหน ยามเมื่อสถานการณ์การเมืองนอกรัฐสภา สุกงอมอีกครั้ง เช่น หลังสถานการณ์โควิดรอบสามสงบลง หากจะมีการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านรัฐบาล ขึ้นอีกครั้ง  

เพราะจากการที่ แกนนำม็อบสามนิ้ว ถูกคุมขัง เพราะไม่ได้รับการปล่อยตัว บางคนก็ร่วมสามเดือน บางรายก็ประมาณสองเดือน น่าจะทำให้แกนนำหลายคน มีอาการเข็ดขยาดไม่น้อย หากจะออกมาเคลื่อนไหวทำม็อบอีก เพราะสุ่มเสี่ยง อาจถูกยื่นถอนประกันก็ได้ หากการเคลื่อนไหวที่ไปร่วมด้วย  ร้อนแรง หรือมีประเด็นอ่อนไหวในช่วงการชุมนุม 

จุดนี้ ก็อาจทำให้แกนนำม็อบสามนิ้ว ต้องคิดหนัก หากจะไปเป็นแกนนำการเคลื่อนไหวบนท้องถนนอีก หรือแม้แต่การแสดงความเห็นของตนเองผ่านโซเชียลมีเดีย ก็คงมีขอบเขตมากขึ้น อาจทำไม่ได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับ “สถาบันพระมหากษัตริย์”  เหตุเพราะแกนนำแต่ละคน ส่วนใหญ่ ถูกยื่นฟ้องต่อศาลในข้อหาทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พ่วงไปกับ ข้อหาอื่นๆ เช่น ฝ่าฝืน พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ 

ที่พบว่า แกนนำส่วนใหญ่ ต่างแถลงต่อศาลตอนก่อนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวว่า จะเคารพและปฏิบัติตามเงื่อนไขการขอปล่อยชั่วคราวที่ทนายความยื่นคำร้อง ซึ่งเงื่อนไขหลักๆ ก็คือ 

1.จะไม่กระทำการที่เสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 

2.ไม่เดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลก่อน 

3.จะเดินทางมาศาลทุกครั้งตามที่ศาลได้นัดหมาย 

4.ไม่ขัดข้อง หากศาลจะให้ติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM)

ด้วยเหตุนี้ แม้เงื่อนไขที่แถลงต่อศาล จะไม่มีเรื่องของการ จะไม่ออกไปเคลื่อนไหว-แสดงความคิดเห็นทางการเมือง รวมอยู่ด้วย ที่ก็หมายถึง แกนนำแต่ละคน ก็ยังมีสิทธิในการออกมาเคลื่อนไหวทำกิจกรรมได้อยู่ ศาลไม่ได้ห้าม และเรื่องนี้ไม่อยู่ในเงื่อนไขการได้ประกันตัว 

เหมือนอย่างเช่น กรณีของ “สมยศ พฤกษาเกษมสุข-กลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย แนวร่วมม็อบสามนิ้ว” ก็พบว่า หลังศาลอาญา ปล่อยตัวออกมา  สมยศ ออกไปร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง หลายครั้ง เช่น ตอนมีการเรียกร้องให้ศาลอาญาให้ประกันตัว แกนนำม็อบสามนิ้ว ตัว สมยศ ก็ไปร่วมทำกิจกรรมด้วย 

อย่างไรก็ตาม ก็มีการมองกันว่า ถึงแม้ แกนนำม็อบสามนิ้ว หลังจากนี้ จะออกไปร่วมทำกิจกรรมการเมืองใดๆ ได้ แต่แกนนำแต่ละคนโดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นนักศึกษา ก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นในการเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา จนถูกตำรวจหรืออัยการ ยื่นขอถอนประกันตัวได้ 

โดยถึงขณะนี้พบว่า แกนนำ-แนวร่วมที่เคลื่อนไหวกับม็อบสามนิ้ว ทยอยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวกันแล้วหลายคน อาทิเช่น “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ที่ศาลอาญาปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อ 6 พ.ค. -ปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่ ทางศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ให้ประกันตัว เมื่อ 5 พ.ค. และก่อนหน้านั้น สมยศ พฤกษาเกษมสุข และจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ทางศาลอาญาให้ประกันตัวเมื่อ 23 เม.ย. 

นอกจากนี้ ก็ยังมี “น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือตี้ พะเยา แกนนำกลุ่มราษฎรเอ้ย” ที่ถูกฟ้องเอาผิดมาตรา 112 จากกรณีการปราศรัยเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2563 ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ แล้วก็ยังมี “ฟ้า พรหมศร วีระธรรมจารี แกนนำกลุ่มราษฎรมูเตลู” ที่ถูกฟ้องเอาผิดมาตรา 112 รวม 4 คดี โดยเฉพาะกรณีปราศรัยที่หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี ระหว่างติดตามการจับกุมตัว นิว-สิริชัย นาถึง นักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในช่วงการเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว ที่จะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษธัญบุรีในวันที่11 พ.ค.นี้

เช่นเดียวกัน ก็มีการคาดหมายว่า วันอังคารนี้ 11 พ.ค. ก็มีแนวโน้มสูง ที่ศาลอาญาอาจปล่อยตัวชั่วคราว “พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน- ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์” รวมถึงอาจจะมี “ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ หรือแอมมี่” ที่ถูกเอาผิดคดีวางเพลิงเผาทรัพย์ บริเวณหน้าเรือนจำคลอง  เพราะวันดังกล่าว ศาลอาญา ได้นัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งสามคน เหมือนเช่นกรณีที่ศาลอาญาได้นัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัว รุ้ง-ปนัสยาเมื่อ 6 พ.ค. และต่อมาศาลอาญา ก็มีคำสั่งให้ปล่อยตัวในช่วงเย็นวันดังกล่าว หลัง รุ้ง แถลงต่อศาลยอมรับเงื่อนไขการปล่อยตัวข้างต้น จึงทำให้ กองเชียร์ม็อบสามนิ้ว เชื่อกันว่า วันอังคารนี้ แกนนำอย่าง เพนกวิน-ไมค์ น่าจะได้รับการปล่อยตัว ส่วน แอมมี่ ยังห้าสิบ-ห้าสิบ  เพราะแอมมี่ ไม่ได้มอบตัวต่อตำรวจ แต่ถูกจับกุมขณะนี้หลบหนีหมายจับที่อยุธยาฯ  

ส่วนพี่ใหญ่ของแกนนำม็อบสามนิ้ว “อานนท์ นำภา”พบว่า ยังไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนการไต่สวนขอปล่อยตัวชั่วคราวได้ เพราะไปติดเชื้อโควิดในเรือนจำ เลยต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณท์ไปพลางก่อน แต่ก็คาดกันว่า หากเพนกวิน-ไมค์ ได้รับการปล่อยตัวอังคารนี้ แล้วตัว อานนท์ ไม่มีปัญหาในการแถลงยอมรับเงื่อนไขต่างๆ เช่น จะไม่กระทำการที่เสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  ก็คาดว่า ศาลอาญา ก็น่าจะให้ประกันตัว ทนายอานนท์ เช่นกัน 

การทยอยได้รับอิสรภาพของแกนนำม็อบข้างต้น จึงน่าติดตามยิ่งนักว่าเมื่อแกนนำโดยเฉพาะสี่คนหลัก “เพนกวิน-อานนท์-ไมค์-รุ้ง” ออกมาจากเรือนจำ ครบพร้อมกันหมด แล้วหลังจากนี้ การเคลื่อนไหวของกลุ่มคณะราษฎร จะเดินไปอย่างไร ยามเมื่อ ประเด็นหลักในการเคลื่อนไหว ของม็อบสามนิ้ว เรื่อง “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” ทางแกนนำไม่สามารถขับเคลื่อน-พูดถึงได้อย่างเต็มที่อีกแล้ว  เพราะถึงต่อพูดแบบระมัดระวัง แต่ก็สุ่มเสี่ยงจะโดนบางฝ่ายนำไปเป็นเหตุร้องต่อศาลให้ถอนประกันตัวได้ทุกเมื่อ เช่นเดียวกับเรื่อง “การเรียกร้องให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112” ที่ก็เป็นประเด็นหลักของม็อบสามนิ้วก่อนหน้านี้ ซึ่งต่อให้แกนนำม็อบ พูดเรื่อง 112 อย่างระมัดระวัง หรือพูดอ้อมๆ แค่ไหน ก็ต้องแตะ “สถาบันพระมหากษัตริย์” อยู่ดี 

เมื่อแกนนำม็อบสามนิ้ว ไม่สามารถพูด-เคลื่อนไหวเรื่อง สถาบันฯ -112 ได้เหมือนเดิม มันก็น่าคิด หากแกนนำและแนวร่วมเช่น รีเด็ม จะนัดหมายทำกิจกรรมการเมือง เมื่อไม่สามารถแตะเรื่องสถาบันฯ ได้ แต่ยังต้องการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ กลุ่มม็อบสามนิ้ว ก็อาจพุ่งตรงไปที่ “รัฐบาล-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” เป็นหลัก หรือในประเด็นอื่นๆ เช่น “การเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ” ที่พรรคการเมืองต่างๆ จะเริ่มขยับกันปลายเดือนนี้ 

มันก็หวาดเสียวทางการเมืองไม่น้อย หากสุดท้าย ม็อบสามนิ้ว เทน้ำหนักมาที่เรื่อง การเมือง-รัฐบาล-รัฐสภา เป็นหลัก อย่างเดียว โดยเฉพาะหากมีการเคลื่อนไหว “เพื่อกดดัน พลเอกประยุทธ์ ให้ลาออกจากตำแหน่ง”โดยยกเรื่องปัญหาโควิดฯ มาจุดชนวนเคลื่อนไหวกดดันนายกฯ   ที่ตอนนี้ “กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน”ของ จตุพร พรหมพันธุ์ โหมโรงมาต่อเนื่องได้สองเดือนแล้ว และยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ  

เพราะต้องไม่ลืมว่า ม็อบสามนิ้ว ตอนช่วงเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ลาออกหรือยุบสภาฯ ในช่วงตุลาคม-พฤศจิกายน ของปีที่แล้ว 2563 ก็สร้างความกดดันอย่างหนัก ให้กับ พลเอกประยุทธ์-รัฐบาล  เพราะม็อบนัดแต่ละครั้งในกรุงเทพมหานคร แนวร่วมกองเชียร์มารวมตัวกันชูสามนิ้ว กันหลักหมื่นทุกครั้งในช่วงแรกๆ ก่อนที่จะค่อยๆ แผ่วไปเอง หลัง แกนนำเปลี่ยนแนวการเคลื่อนไหวมาที่เรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์  เป็นหลัก ตลอดจน มีม็อบแต่ละครั้ง ก็เกิดเหตุรุนแรงหลายนัด จนภาพการเคลื่อนไหวของม็อบติดลบ มวลชนเริ่มถอย สุดท้าย ม็อบสามนิ้ว เลยแพ้ภัยตัวเอง จนถึงทุกวันนี้ 

ถ้าวันข้างหน้า แกนนำม็อบสามนิ้วและแนวร่วม กลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง มันก็น่าคิดว่า กลุ่มม็อบสามนิ้ว จะเคลื่อนไหวการเมืองอย่างไร ยามที่แกนนำแต่ละคน มีเงื่อนไขปล่อยตัวของศาล ค้ำคออยู่ ไม่ให้เคลื่อนไหวได้ร้อนแรงเหมือนเดิม 

Exit mobile version